Abstract:
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ศึกษานวนิยาย แอฟริกัน อเมริกัน สามเรื่อง ได้แก่ เดอะ คัลเลอร์เพอร์เพิล ของ อลิซ วอล์กเกอร์ คอร์เรจิดอรา ของ เกล โจนส์ และ บิเลิฟวิด ของ โทนี มอร์ริสัน โดยใช้ทฤษฎี Mothering the Mind ของรุธ เพอร์รี่ ซึ่งเป็นทฤษฎีที่มีพื้นฐานมาจากความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกในเชิงจิตวิเคราะห์ (Psychoanalytical Explanation) ผลงานวิจัยนี้เสนอความคิดว่าความสัมพันธ์เชิงครอบครัวของผู้หญิงคนดำกับความเป็นแม่ และมรดกทางความคิดมีความสำคัญต่อลูก โดยเฉพาะลูกสาวในการช่วยรับมือกับปัญหาและก้าวข้ามความทุกข์ทรมานในชีวิตและการสร้างตัวตน (Self) การที่แม่คนดำไม่สามารถเลี้ยงดูลูกเนื่องจากข้อจำกัดในระบบทาสมีส่วนในการทำให้ลูกไม่สามารถรับมือกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากลัทธิการเหยียดผิว (Racism) หรือการกดขี่ทางเพศ (Sexism) รวมถึงไม่สามารถสร้างตัวตนได้ ความพยายามในการก้าวข้ามปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตดังกล่าวข้างต้นและการสร้างตัวตนของผู้หญิงดำจำเป็นอย่างยิ่งที่จะได้รับความช่วยเหลือจากแม่หรือบุคคลที่ทำหน้าที่แทนแม่ (Surrogate mother/Maternal figure)การตีความนวนิยายเรื่อง เดอะ คัลเลอร์ เพอร์เพิล แสดงให้เห็นความสำคัญของแม่และบุคคลที่ทำหน้าที่แทนแม่ที่มีผลต่อความสามารถในการสร้างตัวตนของตัวละครเอกในด้านจิตวิทยาและร่างกาย ความคิดสร้างสรรค์และการพึ่งพาตนเอง การศึกษานวนิยายเรื่อง คอร์เรจิดอรา ชี้ให้เห็นข้อจำกัดของแม่คนดำในการเลี้ยงลูกโดยใช้เรื่องเล่าในครอบครัว ซึ่งสามารถทำให้เกิดผลกระทบทั้งทางบวกและลบต่อลูกสาวในรุ่นต่อไป บิเลิฟวิด ยังแสดงให้เห็นความทุกข์ทรมานของแม่คนดำที่ต้องพบกับประสบการณ์เลวร้ายและข้อจำกัดในการเลี้ยงดูลูกในสังคมทาสจนกระทั่งตัดสินใจฆ่าลูกของตนเพื่อปกป้องลูกจากประสบการณ์ดังกล่าวข้างต้น รวมทั้งความสำคัญของบุคคลที่ทำหน้าที่แม่และชุมชนของผู้หญิงที่จะช่วยให้ตัวละครเอกสามารถปลดปล่อยความทุกข์และความทรงจำในอดีตได้