Abstract:
การให้สินบนเจ้าหน้าที่รัฐต่างชาติในธุรกิจระหว่างประเทศ เกิดจากการที่นักลงทุนของประเทศหนึ่งให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่รัฐของอีกประเทศหนึ่ง เพื่อผลประโยชน์ในธุรกิจระหว่างประเทศ การให้สินบนในลักษณะนี้ประเทศที่ได้รับ ความเสียหายมักจะไม่สามารถนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีได้เพราะผู้กระทำความผิดจะมีสถานะเป็นนิติบุคคล ดังนั้น ประเทศที่นักลงทุนมีสัญชาติจึงต้องออกกฎหมายเพื่อลงโทษนักลงทุนของตนที่ให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่รัฐของ ประเทศอื่นจากการศึกษาพบว่า นักลงทุนจากประเทศไทยมีบทบาทอย่างสูงต่อการลงทุนในประเทศพม่า ประเทศลาว และประเทศกัมพูชาตามรายงานขององค์การสหประชาชาติ ในขณะที่ตามรายงานขององค์กรระหว่างประเทศเพื่อความ โปร่งใสระบุว่า เจ้าหน้าที่รัฐของประเทศพม่า ประเทศลาวและประเทศกัมพูชามีอัตราการทุจริตสูงที่สุดในภูมิภาคเอเซีย- แปซีฟิก ดังนั้น นักลงทุนไทยจึงมีความเสี่ยงสูงที่จะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการให้สินบนเจ้าหน้าที่รัฐต่างชาติในธุรกิจ ระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเกิดจากการเรียกร้องของเจ้าหน้าที่รัฐหรือการเสนอของนักลงทุนไทยก็ตาม ดังนั้น ประเทศไทย ควรเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาโออีซีดีเพื่อกำจัดการให้สินบนเจ้าหน้าที่รัฐต่างชาติในธุรกิจระหว่างประเทศ ค.ศ.1997 ซึ่ง เป็นกฎหมายระหว่างประเทศเพียงฉบับเดียวที่มีวัตถุประสงค์ในการปราบปรามการให้สินบนในธุรกิจระหว่างประเทศ และประเทศสำคัญของโลกได้เข้าร่วมเป็นภาคี
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ ผู้เขียนจึงทำการศึกษาอนุสัญญาโออีซีดีเพื่อกำจัดการให้สินบนเจ้าหน้าที่รัฐต่างชาติในธุรกิจระหว่างประเทศ ค.ศ.1997 เพื่อเสนอแนวทางการอนุวัตรการตามกฎหมายไทย นอกจากนี้ยังได้ทำการศึกษา คำแนะนำของโออีซีดี(ฉบับแก้ไข) เกี่ยวกับการกำจัดการให้สินบนในธุรกิจระหว่างประเทศ ค.ศ.1997 (1997 Revised Recommendation of the Council on Combating Bribery in International Business Transactions) รวมถึงเอกสาร อื่นของโออีซีดีและกฎหมายไทยที่เกี่ยวข้อง ผู้เขียนได้ทำการศึกษาลักษณะการให้สินบนในธุรกิจระหว่างประเทศจากเอกสารของโออีซีดี ศึกษามาตรการ ปราบปรามการให้สินบนเจ้าหน้าที่รัฐต่างชาติที่กำหนดในอนุสัญญาโออีซีดีเพื่อกำจัดการให้สินบนเจ้าหน้าที่รัฐต่างชาติ ในธุรกิจระหว่างประเทศ ค.ศ.1997 และแนวทางเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาทั้งตามบทบัญญัติในอนุสัญญาและตาม กฎหมายไทย ผู้เขียนยังได้ศึกษาแนวทางการอนุวัตรการอนุสัญญาโดยรัฐภาคีประเทศต่างๆ เพื่อเลือกรูปแบบการอนุ วัตรการที่เหมาะสมกับประเทศไทย นอกจากนี้ ผู้เขียนยังได้พิจารณามาตรการทางภาษีตามคำแนะนำของโออีซีดี(ฉบับ แก้ไข) ซึ่งแม้ว่าจะมิได้ปรากฎในอนุสัญญาฉบับนี้โดยตรง แต่รัฐภาคีทุกรัฐของอนุสัญญาโออีซีดีฉบับนี้ได้ยอมรับที่จะ ปฏิบัติตามเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพในการปราบปรามอีกด้วย