Abstract:
สิ่งแวดล้อมถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาสิ่งแวดล้อมต้องถูกทำลายลงอย่างมากจากการกระทำของมนุษย์เอง ไม่เพียงแต่ในเวลาปกติเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในช่วงเวลาของสงครามหรือการพิพาททางอาวุธด้วย ซึ่งการสู้รบกันของมนุษย์ได้สร้างความเสียหายให้กับสิ่งแวดล้อมอย่างมหาศาลดังจะเห็นได้จากเหตุการณ์ในสงครามอินโดจีนและสงครามอ่าวเปอร์เซีย เป็นต้น จากปัญหาดังกล่าวนี้ ทำให้กฎเกณฑ์ของกฎหมายสงครามหรือกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศต้องคำนึงถึงการให้ความคุ้มครองสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ดังจะเห็นได้จากพิธีสารเพิ่มเติมอนุสัญญาเจนีวาเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากข้อพิพาททางอาวุธระหว่างประเทศ ค.ศ.1977 หรือพิธีสารฉบับที่ 1 และอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้เทคนิคการดัดแปลงสิ่งแวดล้อมในทางทหารหรือในทางที่เป็นปรปักษ์อื่นใด ค.ศ.1976 ซึ่งได้มีบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการให้ความคุ้มครองสิ่งแวดล้อมโดยตรง เนื่องจากประเทศไทยยังไม่เคยมีกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ใด ๆ ที่เกี่ยวกับการให้ความคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในกรณีที่มีข้อพิพาททางอาวุธเลย งานวิจัยนี้จึงมุ่งศึกษาถึงผลกระทบและแนวทางของประเทศไทยจากการนำกฎเกณฑ์การให้ความคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศมาบังคับใช้ โดยศึกษาและวิเคราะห์ถึงการเข้าเป็นภาคีในพิธีสารและอนุสัญญาดังกล่าวข้างต้น ซึ่งจากผลการศึกษาทำให้ทราบว่า การเข้าเป็นภาคีในพิธีสารและอนุสัญญาของประเทศไทยย่อมส่งผลกระทบต่อประเทศไทยทั้งผลกระทบทางด้านกฎหมายในการที่จะต้องดำเนินการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่มีอยู่และอาจจะต้องมีการตรากฎหมายหรือกฎเกณฑ์ใดๆ ขึ้นมาใหม่เพื่ออนุวัติการตามบทบัญญัติในพิธีสารและอนุสัญญา และผลกระทบที่เกี่ยวกับพันธกรณีต่างๆ ทางกฎหมาย ซึ่งประเทศไทยจะต้องมีการวางกฎเกณฑ์หรือแนวนโยบายในด้านต่างๆ ทั้งมาตรการและกลไกทางกฎหมาย การกำหนดกฎเกณฑ์ในเรื่องความรับผิด รวมถึงแนวนโยบายในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศต่อไป