Abstract:
หาดเจ้าสำราญ จังหวัดเพชรบุรี ประสบกับปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งอันนามาซึ่งผลกระทบทาง เศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในปี พ.ศ. 2550-2552 กรมเจ้าท่าจึงได้ก่อสร้างเขื่อนกันคลื่น (Breakwater) ตลอดแนวชายฝั่งเพื่อแก้ปัญหาการกัดเซาะดังกล่าว อย่างไรก็ดี การสร้างโครงสร้างหนักลงใน ทะเลยังคงเป็นที่ถกเถียงกันว่าสามารถแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งได้จริงหรือไม่ การศึกษาครั้งนี้มี วัตถุประสงค์เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงธรณีสัณฐานและความสมดุลของตะกอนชายฝั่งในระยะยาวและ ระยะสั้น โดยแบ่งการศึกษาออกเป็น 2 วิธี คือ การวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมและภาพถ่ายทางอากาศโดย การวัดอัตราการเคลื่อนที่ของเส้นแนวชายฝั่งตั้งแต่ปี พ.ศ.2537 ถึง 2557 รวมระยะเวลา 20 ปี และการวัด ระดับชายหาด (Beach Profiling) 2 ช่วงเวลา คือ ต้นมรสุมและระหว่างฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ใน การศึกษาครั้งนี้ได้ศึกษาเพิ่มเติมอีกหนึ่งช่วงเวลาคือ หลังฤดูมรสุม และได้แบ่งพื้นที่ศึกษาเป็น 3 พื้นที่ย่อย ได้แก่ ตอนเหนือ ตอนกลางและตอนใต้ ผลการวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศและภาพถ่ายดาวเทียมก่อนสร้างเขื่อนกันคลื่น (ปี พ.ศ. 2537-2549) พบว่า เส้นแนวชายฝั่งทางตอนเหนือมีระยะทางเพิ่มขึ้นจากเส้นแนวชายฝั่งอ้างอิง (เส้นแนว ชายฝั่งปี พ.ศ.2537) ด้วยอัตรา 1.00 เมตรต่อปี ในขณะที่ทางตอนกลางเพิ่มขึ้น 1.28 เมตรต่อปี และทาง ตอนใต้ลดลง 0.71 เมตรต่อปี ระหว่างสร้าง (ปี พ.ศ. 2549-2553) พบว่า เส้นแนวชายฝั่งทางตอนเหนือ ตอนกลางและตอนใต้มีระยะทางเพิ่มขึ้นด้วยอัตรา 3.76, 2.10 และ 1.57 เมตรต่อปี ตามลำดับ และหลังสร้าง เขื่อนกันคลื่น (ปี พ.ศ. 2553-2557) เส้นแนวชายฝั่งทางตอนเหนือมีระยะทางลดลง 0.37 เมตรต่อปี ขณะที่ ตอนกลางและตอนใต้เพิ่มขึ้น 0.007 และ 1.45 เมตรต่อปี ตามลำดับ ผลการวัดระดับชายหาด พบว่า ระหว่างฤดูมรสุม ตะกอนนอกชายฝั่งจะถูกพัดพามาสะสมตัวใกล้ชายฝั่งและหลังฤดูมรสุม ระดับชายหาดทาง ตอนเหนือจะกลับเข้าสู่ระดับเดียวกับช่วงต้นฤดูมรสุม นอกจากนี้ ตะกอนบริเวณฐานของเขื่อนกันคลื่นจะถูก กัดเซาะ อาจทาให้เกิดกระแสย้อนกลับสู่ทะเล (Rip current)