Abstract:
พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 และกฎกระทรวงมหาดไทยซึ่งออกตามความในมาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2479 เป็นกฎหมายบังคับโทษจำคุกที่ทางเรือนจำใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังประเภทต่างๆ อย่างไรก็ดี กฎหมายดังกล่าวมิได้กำหนดแนวทางปฏิบัติต่อผู้ต้องขังที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศไว้อย่างชัดเจนในเรื่องการแยกและการจำแนกลักษณะผู้ต้องขัง การจัดประเภทหรือชั้นของเรือนจำและทัณฑสถาน ทัณฑปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง ตลอดจนการลงโทษทางวินัยและการดำเนินคดีอาญาในกรณีมีการกระทำความผิดอาญาต่อผู้ต้องขังที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ จึงส่งผลให้ผู้ต้องขังดังกล่าวได้รับการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสมระหว่างการถูกจำคุกตามคำพิพากษาของศาลอันเป็นการทำลายบุคลิกภาพและคุณลักษณะของผู้ต้องขัง จากการศึกษาค้นคว้าพบว่า แนวทางการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศนั้นมิได้ใช้เพศกำเนิดของผู้ต้องขังในการกำหนดแนวทางปฏิบัติต่อผู้ต้องขังดังกล่าวแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่มีการนำเพศสภาพและเอกสารแสดงสถานะทางเพศมาเป็นหลักพิจารณาในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังดังกล่าวตั้งแต่ขั้นตอนการแยกและการจำแนกลักษณะผู้ต้องขัง การจัดประเภทหรือชั้นของเรือนจำและทัณฑสถาน ตลอดจนทัณฑปฏิบัติต่อผู้ต้องขังดังกล่าวภายในเรือนจำที่เหมาะสมกับบุคลิกภาพและคุณลักษณะของผู้ต้องขัง ในประเด็นของการลงโทษทางวินัยและการดำเนินคดีอาญาสำหรับผู้กระทำความผิดอาญาต่อผู้ต้องขังที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศนั้นจะเป็นไปตามที่กฎหมายราชทัณฑ์กำหนดเอาไว้ เพียงแต่จะมีการลงโทษทางวินัยที่เป็นมาตรการคุ้มครองผู้ต้องขังดังกล่าวจากการกระทำความผิดอาญาของผู้ต้องขังคนอื่นๆ วิทยานิพนธ์ฉบับนี้จึงเสนอให้มีการตรากฎกระทรวงที่เป็นการกำหนดมาตรการทางอาญาในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศขึ้นใช้บังคับ โดยกฎกระทรวงดังกล่าวจะกำหนดให้มีระบบการแยกและการจำแนกลักษณะผู้ต้องขัง การจัดประเภทหรือชั้นของเรือนจำและทัณฑสถาน ตลอดจนทัณฑปฏิบัติต่อผู้ต้องขังที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศที่เหมาะสมกับเพศสภาพอันเป็นบุคลิกภาพและคุณลักษณะของผู้ต้องขังมากยิ่งขึ้น ตลอดจนกำหนดให้มีการลงโทษทางวินัยที่เป็นมาตรการคุ้มครองผู้ต้องขังดังกล่าวจากการกระทำความผิดอาญาของผู้ต้องขังคนอื่นๆ