Abstract:
เหตุผลของการทำวิจัย : โรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายเป็นโรคที่พบบ่อยและเป็นปัญหาสำคัญด้านสาธารณสุขของประเทศไทย ในปัจจุบันการรักษาด้วยการบำบัดทดแทนไตมี 2 วิธี ได้แก่ 1) การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม หรือการล้างไตทางช่องท้องแบบต่อเนื่อง และ 2) การผ่าตัดเปลี่ยนไต ซึ่งแต่ละวิธีการรักษาส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ซึ่งการศึกษาเกี่ยวกับการเปรียบเทียบคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยที่ได้รับการรักษา 2 วิธีนี้ที่ผ่านมายังไม่พบข้อสรุปที่แน่ชัด และยังไม่เคยมีการศึกษาในประเทศไทยมาก่อน จึงเป็นที่มาของการศึกษาครั้งนี้ วัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาเปรียบเทียบคุณภาพชีวิตผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายที่รับการรักษาด้วยการฟอกเลือด หรือการล้างไตทางช่องท้องกับผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนไต และศึกษาปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิตผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายที่รับการรักษาด้วยการฟอกเลือด หรือการล้างไตทางช่องท้อง กับผู้ป่วยการผ่าตัดเปลี่ยนไต รูปแบบการวิจัย : การศึกษานี้เป็นการศึกษาเชิงพรรณนา สถานที่ทำการศึกษา : คลินิกโรคไต แผนกอายุรกรรม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ตัวอย่างและวิธีการศึกษา : กลุ่มผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับการรักษาด้วยการการฟอกเลือด หรือการล้างไตทางช่องท้องจำนวน 100 รายและกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนไตจำนวน 100 ราย รวมเป็น 200 รายที่เข้ารับการรักษาที่คลินิกโรคไต โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ตั้งแต่เดือนกันยายนถึงธันวาคม 2559 เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูลประกอบด้วย 1) แบบบันทึกข้อมูลทั่วไปของผู้ป่วย 2) แบบสอบถามคุณภาพชีวิตขององค์กรอนามัยโลกชุดย่อ ฉบับภาษาไทย 3) แบบประเมินอาการวิตกกังวลและอาการซึมเศร้าฉบับภาษาไทย 4) แบบประเมินการสนับสนุนทางสังคม และ 5) แบบประเมินความสามารถในการดูแลตนเอง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติไคสแควร์ ฟิชเชอร์เอ็กเซ็ก ทดสอบเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่มที่เป็นอิสระต่อกัน และการวิเคราะห์การถดถอยโลจิสติก ผลการศึกษา : ผลการศึกษาเปรียบเทียบคุณภาพชีวิตรายด้านและโดยรวมของกลุ่มผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับการฟอกเลือด หรือล้างไตทางช่องท้อง และกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนไต พบว่าคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนไตสูงกว่ากลุ่มผู้ป่วยที่การฟอกเลือด หรือล้างไตทางช่องท้องทั้งรายด้านในทุกๆด้าน (ด้านร่างกาย จิตใจ สัมพันธภาพ และสิ่งแวดล้อม) โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านจิตใจ ด้านสัมพันธภาพทางสังคม และคุณภาพชีวิตโดยรวม โดยคุณภาพชีวิตโดยรวมในระดับดีของกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนไต พบร้อยละ 51 ค่าคะแนนเฉลี่ย 96.25 ± 12.18 ในขณะที่กลุ่มผุ้ป่วยที่ได้รับการฟอกเลือด หรือล้างไตทางช่องท้อง พบเพียง ร้อยละ 14 ค่าคะแนนเฉลี่ย 82.21 ± 13.49 และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับคุณภาพชีวิตที่ดีของทั้ง 2 กลุ่มคือ การศึกษาที่ดีตั้งแต่ปริญญาตรีขึ้นไป เศรษฐานะของครอบครัวที่เพียงพอ ระยะเวลาเจ็บป่วย 4ปีขึ้นไป และการสนับสนุนทางสังคมระดับสูง สรุปผลการศึกษา : คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนไตสูงกว่ากลุ่มผู้ป่วยที่การฟอกเลือด หรือล้างไตทางช่องท้องทั้งรายด้านในทุกๆด้าน (ด้านร่างกาย จิตใจ สัมพันธภาพ และสิ่งแวดล้อม) และโดยรวม และปัจจัยต่างๆที่พบว่าสัมพันธ์กับคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วยโดยปัจจัยเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วยได้ ผลการศึกษาวิจัยนี้จะเป็นประโยชน์ในการเป็นแนวทางในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย และพัฒนาการดูแลผู้ป่วยทำให้สุขภาพทั้งกายใจและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น