Abstract:
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มุ่งศึกษาถึงประสิทธิภาพของการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 โดยทำการศึกษาเปรียบเทียบกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจในประเทศอังกฤษ ประเทศฝรั่งเศส และประเทศเยอรมนี เพื่อประเมินประสิทธิภาพของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จากการศึกษาพบว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในประเทศอังกฤษและประเทศฝรั่งเศสมีหลักเกณฑ์ที่ง่ายต่อการอภิปราย ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีแบบสร้างสรรค์ในประเทศเยอรมนีมีหลักเกณฑ์ที่ยากต่อการอภิปราย แต่การลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีของทั้งสามประเทศเป็นเรื่องยากเพราะระบบพรรคการเมืองที่มีความเข้มแข็ง จึงทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในประเทศไทย นั้น พบว่า ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ไม่เกิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีเพราะกำหนดจำนวนผู้มีสิทธิเสนอญัตติไว้สูง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 จึงปรับลดจำนวนผู้มีสิทธิเสนอญัตติทำให้เกิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีขึ้นจำนวน 6 ครั้ง แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรียังไม่มีประสิทธิภาพตามเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีอาจเกิดผลโดยอ้อมในการทำลายความน่าเชื่อถือของนายกรัฐมนตรีจนเกิดการลาออกหรือการยุบสภาผู้แทนราษฎรได้ ผู้เขียนจึงมีข้อเสนอแนะว่า การกำหนดหลักเกณฑ์การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยควรพิจารณาถึงสภาพของการเมืองไทยเป็นหลักเพื่อประสิทธิภาพของการควบคุมฝ่ายบริหารโดยฝ่ายนิติบัญญัติ อย่างไรก็ตามผู้เขียนเห็นว่าควรคงบทบัญญัติว่าด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีแบบสร้างสรรค์ต่อไป และควรกำหนดหลักเกณฑ์ต่างๆ ให้ดีขึ้น