Abstract:
การศึกษานี้มุ่งเน้นที่การพิจารณาเปรียบเทียบที่มาของการเติบโตทางการค้าโดยแบ่งแยกผลที่มาจากการค้าภายในอุตสาหกรรมเดียวกันและการค้าระหว่างอุตสาหกรรมร่วมกับการพิจารณาเปรียบเทียบความสำคัญของการส่งออกและการนำเข้าที่มีผลต่อการเติบโตของมูลค่าการค้ารวมที่เปลี่ยนแปลงไปเปรียบเทียบช่วงปี 2535-2539 และ 2539-2544 ตลอดจนศึกษาถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อระดับการค้าภายในอุตสาหกรรม กรณีศึกษาปี 2541 โดยการศึกษานี้พิจารณาจากสินค้าอุตสาหกรรมที่จำแนกตามระบบฮาร์โมไนซ์ในระดับ 4 หลัก ผลการศึกษาที่มาของการเติบโตการค้ารวมพบว่า การค้าระหว่างอุตสาหกรรมมีบทบาทต่อการเติบโตของการค้ารวมมากกว่าการค้าภายในอุตสาหกรรมมาโดยตลอด และเมื่อพิจารณารายอุตสาหกรรมพบว่าอุตสาหกรรมสิ่งทอจะได้รับประโยชน์จากการเปิดเสรีการค้าเนื่องจากจะมีต้นทุนในการปรับตัวที่ต่ำและไทยอยู่ในสถานะเป็นผู้ส่งออกสุทธิ อุตสาหกรรมอัญมณีและโลหะจะได้รับประโยชน์เช่นกันเนื่องจากการมีต้นทุนในการปรับตัวที่ต่ำ อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติก ยาง เครื่องจักรกลและเครื่องจักรไฟฟ้าจะได้รับประโยชน์จากการเปิดเสรีทางการค้าเนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่ไทยสามารถขยายการส่งออกสู่อินเดียได้มากขึ้น ส่วนอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์นั้นจะได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีการค้าเนื่องจากการมีต้นทุนในการปรับตัวระดับสูงและไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบทางการค้ากับอินเดีย ส่วนปัจจัยที่มีผลต่อระดับการค้าภายในอุตสาหกรรมเดียวกันในกรณีของประเทศไทยและอินเดียได้แก่ความซับซ้อนและการใช้เทคโนโลยีในการผลิตซึ่งทำให้เกิดความหลากหลายในสินค้า และขนาดการค้าที่ไม่สมดุลในระดับต่ำ ปัจจัยทั้งสองนี้มีผลให้สัดส่วนการค้าภายในอุตสาหกรรมเดียวกันสูงขึ้น ระดับการลงทุนจากต่างประเทศและอุปสรรคทางการค้าเชิงนโยบายคืออัตราภาษีศุลกากรนั้นในการศึกษาครั้งนี้พบว่าไม่มีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อสัดส่วนการค้าภายในอุตสาหกรรม อีกทั้งปัจจัยด้านความคล้ายกันในปัจจัยการผลิตก็พบว่าไม่มีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อสัดส่วนการค้าภายในอุตสาหกรรมเช่นกัน