Abstract:
โรคตับคั่งไขมันเป็นโรคที่เกิดจากการสะสมไขมันชนิดไตรกลีเซอไรด์ในตับโดยปราศจากการสะสมของแอลกอฮอล์ที่มีสาเหตุมาจากการดื้อต่ออินซูลิน ผู้ที่เป็นโรคตับคั่งไขมันสามารถพัฒนาไปเป็นพังผืดในตับ ตับแข็ง และมะเร็งตับได้ ไมโครอาร์เอ็นเอ คืออาร์เอ็นเอขนาดเล็ก ที่ไม่กำหนดการสร้างโปรตีน มีขนาดประมาณ 22 นิวคลีโอไทด์ มีบทบาทในการควบคุมการแสดงออกของยีน ในงานวิจัยก่อนหน้านี้พบว่า ไมโครอาร์เอ็นเอ 29 (เอ บี และซี) และไมโครอาร์เอ็นเอ 122 มีบทบาทสำคัญ ในการควบคุมยีนที่เกี่ยวข้องกับภาวะดื้อต่ออินซูลินที่สามารถนำไปสู่โรคตับคั่งไขมันได้ ดังนั้นวัตถุประสงค์ของการศึกษานี้คือ เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างระดับของไมโครอาร์เอ็นเอ 29 และไมโครอาร์เอ็นเอ 122 ในซีรั่มและระดับการอักเสบของตับในผู้ป่วยตับคั่งไขมัน นอกจากนี้เพื่อศึกษาระดับของไมโครอาร์เอ็นเอ 29 และไมโครอาร์เอ็นเอ 122 ในซีรั่ม สำหรับใช้เป็นตัวชี้วัดทางชีวภาพสำหรับวินิจฉัยโรค NAFLD ในการวิจัยนี้ใช้ตัวอย่างของซีรั่มผู้ป่วยโรคตับคั่ง 58 คน และซีรั่มของผู้ที่มีสุขภาพดี 34 คน เริ่มจากนำซีรั่มมาสกัดไมโครอาร์เอ็นเอ ด้วยชุดสกัดไมโครอาร์เอ็นเอ จากนั้นเริ่มกระบวนการ polyuridylation ตามด้วย reverse transcription แล้วจึงวัดการแสดงออกของไมโครอาร์เอ็นเอโดยใช้เทคนิคเรียลไทม์พีซีอาร์ ผลการทดลองพบว่าการแสดงออกของไมโครอาร์เอ็นเอ 29 เอ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในซีรั่มของกลุ่มผู้ที่เป็นโรคตับคั่งไขมัน ขณะที่การแสดงออกของไมโครอาร์เอ็นเอ 29 บี และซี ไม่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตามพบว่าการแสดงออกของไมโครอาร์เอ็นเอ 122 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในกลุ่มของผู้ที่เป็นโรคตับคั่งไขมันเมื่อเทียบกับกลุ่มผู้ที่มีสุขภาพดี นอกจากนี้ยังพบว่าการแสดงออกของไมโครอาร์เอ็นเอ 122 สัมพันธ์กับระดับความรุนแรงของโรคโดยแบ่งตามกลุ่ม mild (NAS < 4) และกลุ่ม severe (NAS > 4) ทั้งนี้การแสดงออกของไมโครอาร์เอ็นเอ 29 เอ และไมโครอาร์เอ็นเอ 122 อาจใช้เป็นตัวชี้วัดทางชีวภาพสำหรับโรคตับคั่งไขมันได้ อย่างไรก็ตามในการศึกษาต่อไป ควรที่เพิ่มขนาดของกลุ่มตัวอย่างเพื่อใช้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการแสดงออกของไมโครอาร์เอ็นเอและโรคตับคั่งไขมันต่อไป