Abstract:
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประยุกต์ต้นทุนฐานกิจกรรมสำหรับส่วนกำกับดูแลผู้เสียภาษีกรมสรรพากร โดยศึกษากิจกรรมการปฏิบัติงานตัวผลักดันต้นทุน และระยะเวลาที่ใช้ในการปฏิบัติงานในแต่ละกิจกรรม โดยเก็บข้อมูลจากแบบสำรวจ ซึ่งส่งแบบสำรวจไปยังทีมกำกับดูแลผู้เสียภาษี สำนักงานสรรพากรพื้นที่ จำนวน 218 ทีมกำกับดูแล การกำหนดกลุ่มตัวอย่างใช้วิธีการสุ่มโดยพื้นที่ การสุ่มแบบโควต้า และการสุ่มอย่างง่าย ซึ่งได้รับแบบสำรวจคืนจำนวน 83 ทีมกำกับดูแล ผลการวิจัยพบว่า การกำหนดโครงสร้างต้นทุนฐานกิจกรรมและประยุกต์เข้าสู่ส่วนกำกับดูแลผู้เสียภาษี สำนักงานสรรพากรพื้นที่ระยอง สามารถกำหนดงานกำกับดูแลหลักได้ 5 งาน คือ การตรวจสภาพกิจการ การตรวจคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม การตรวจคืนภาษีเงินได้นิติบุคคล การตรวจคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และการตรวจสอบยันใบกำกับภาษี และจากโครงสร้างต้นทุน แสดงให้เห็นว่า ต้นทุนการตรวจสภาพกิจการถือเป็นต้นทุนที่สูงที่สุด คือ 2,662.28, 3,083.93 และ 2,659.26 บาทต่อรายผู้ประกอบการสำหรับการออกตรวจธุรกิจซื้อมาขายไป ผลิต และการบริการตามลำดับ โดยมีข้อกำหนดเบื้องต้น คือ มีเอกสารประกอบสำนวนปริมาณปานกลางและมีระยะทางในการเดินทางออกตรวจ 30 กิโลเมตร โดยกลุ่มกิจกรรมการออกหมายเรียกมีการปฏิบัติงานกำกับดูแลที่แตกต่างกันในแต่ละสำนักงานภาค ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% จึงมีผลทำให้การกำหนดโครงสร้างต้นทุนฐานกิจกรรมครั้งนี้ ไม่ได้รวมกลุ่มกิจกรรมการออกหมายเรียก เนื่องจากทีมกำกับดูแลมักจะไม่ทำการออกหมายเรียกแต่จะใช้การเจรจาประนีประนอมกับผู้ประกอบการ เพราะถือเป็นนโยบายของทางกรมสรรพากรในการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้เสียภาษี สำหรับแนวทางในการลดต้นทุนสำหรับส่วนกำกับดูแลผู้เสียภาษี คือ
การประสานฐานข้อมูลผู้ประกอบการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดปัญหาการไม่พบสถานประกอบการจากการออกตรวจ