Abstract:
องค์ประกอบสำคัญประการหนึ่งของหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีคือ บทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของคณะกรรมการบริษัท ซึ่งกลไกสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมให้คณะกรรมการปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือการที่มีโครงสร้างคณะกรรมการที่ดี กรรมการมีคุณสมบัติเหมาะสม รวมทั้งกรรมการปฏิบัติตามหน้าที่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด วิทยานิพนธ์ฉบับนี้จึงมุ่งที่จะศึกษามาตรการทางกฎหมายเกี่ยวกับ หน้าที่และความรับผิดของกรรมการตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 ซึ่งได้บัญญัติหน้าที่ของกรรมการตามหลักความระมัดระวัง และหน้าที่ซื่อสัตย์สุจริต รวมทั้งบัญญัติความรับผิดของกรรมการของบริษัทจดทะเบียน เพิ่มเติมนอกเหนือจากที่พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ได้กำหนดไว้ โดยผู้วิจัยจะศึกษาถึงประเด็นปัญหาทางกฎหมายที่เกิดขึ้นจากการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายดังกล่าวด้วย สำหรับประเด็นปัญหาทางกฎหมาย ผู้วิจัยพบว่าพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ได้กำหนดหลักการที่จะใช้วินิจฉัยว่าการตัดสินใจทางธุรกิจของกรรมการนั้น กรรมการสามารถเชื่อถือข้อมูลจากบุคคลใดได้บ้าง (หลัก Reliance) จึงควรที่จะบัญญัติเพิ่มเติมหลักดังกล่าวไว้ในกฎหมายไทย ประเด็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เนื่องจากพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ บัญญัติห้ามกรรมการใช้ทรัพย์สินหรือโอกาสทางธุรกิจของบริษัท (Corporate Opportunities) ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาในการตีความและการปรับใช้กฎหมายได้ ประเด็นความรับผิดทางแพ่งร่วมกันของคณะกรรมการ ผู้วิจัยพบว่า พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดปัจจัยพิจารณาระดับความระมัดระวังของกรรมการไว้แตกต่างกันตามขอบเขตหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการ หรือตามวัตถุประสงค์ที่ได้รับการแต่งตั้ง กล่าวได้ว่า กรรมการที่ไม่ได้เป็นผู้บริหาร (non-executive director) จึงมีระดับความรับผิดแตกต่างจากกรรมการที่เป็นผู้บริหาร (executive director) ประเด็นการให้ความคุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการ (Indemnity) ผู้วิจัยพบว่า กฎหมายไทยไม่ได้มีการบัญญัติดังกล่าวไว้ จึงควรบัญญัติกฎหมายกำหนดให้บริษัทให้ความคุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ เข้ารับตำแหน่งกรรมการบริษัทจดทะเบียน การกำหนดหน้าที่และความรับผิดให้แก่กรรมการบริษัทจดทะเบียนอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี เป็นปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยให้บริษัทจดทะเบียนพัฒนาได้อย่างยั่งยืน