Abstract:
การวิจัยเชิงสำรวจครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ประสบการณ์การมีอาการใน 4 มิติ (มิติการเกิดอาการ มิติความถี่ มิติความรุนแรง และมิติความทุกข์ทรมาน) 2) กลวิธีการจัดการอาการ และ 3) เปรียบเทียบประสบการณ์การมีอาการทั้ง 4 มิติ (ภาระอาการ) จำแนกตามตัวแปร เพศ อายุ โรคร่วม ระยะเวลาในการล้างไตทางช่องท้อง ระดับของฮีโมโกลบิน บียูเอ็น ครีเอตินิน อัลบูมิน แคลเซียม ฟอสเฟต และความพอเพียงของการล้างไต กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับการล้างไตทางช่องท้องแบบต่อเนื่องที่มารับบริการ ณ หน่วยบริการล้างไตผ่านทางช่องท้องในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในเขตกรุงเทพมหานคร 2 แห่ง จำนวน 178 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล แบบสอบถามอาการในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง และแบบสอบถามกลวิธีการจัดการอาการ ค่าความตรงเชิงเนื้อหาของแบบสอบถามอาการในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังและแบบสอบถามกลวิธีการจัดการอาการ เท่ากับ 0.97 และ 0.94 ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคของแบบสอบถามอาการในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังทั้ง 4 มิติ เท่ากับ 0.77, 0.83, 0.84, และ 0.86 ตามลำดับ ส่วนของแบบสอบถามกลวิธีการจัดการอาการทั้ง 2 มิติ คือ การเลือกปฏิบัติกลวิธีการจัดการอาการและประสิทธิผลของกลวิธีการจัดการอาการ เท่ากับ 0.73 และ 0.80 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา สถิติทดสอบที สถิติทดสอบแมน-วิทนีย์ และสถิติวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว ผลการวิจัย พบว่า 1. อาการที่ผู้ป่วยรายงานมิติการเกิดอาการและมิติความถี่มากที่สุด คือ อาการผิวแห้ง (ร้อยละ 78.1) (mean ± SD = 7.65 ± 2.83) ส่วนอาการที่ผู้ป่วยรายงานมิติความรุนแรงและมิติความทุกข์ทรมานมากที่สุด คือ อาการคัน (mean ± SD = 5.04 ± 2.76, 4.75 ± 2.60 ตามลำดับ) 2. กลวิธีการจัดการอาการที่ผู้ป่วยเลือกใช้มากที่สุดและมีประสิทธิผลอยู่ในระดับมากขึ้นไป 5 อันดับแรกคือ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารจำพวกหมักดอง นั่งหรือนอนพักผ่อน รับประทานอาหารที่มีโปรตีนคุณภาพ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ใช้ยาตามแพทย์สั่ง และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีรสเค็ม (ร้อยละ 91.0, 89.3, 87.6, 87.6, 87.6 และ 85.4 ตามลำดับ) (mean ± SD = 3.70 ± 0.82, 3.85 ± 0.77, 3.71 ± 0.69, 3.74 ± 0.77, 4.03 ± 0.82 และ 3.74 ± 0.81 ตามลำดับ) 3. การรับรู้ภาระอาการแตกต่างกันตามเพศ อายุ และระดับอัลบูมินที่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยผู้ป่วยเพศหญิงรับรู้ภาระอาการมากกว่าเพศชาย อายุ 20-24 ปี รับรู้ภาระอาการมากกว่า อายุ 35-59 ปี และ 25-34 ปี ระดับอัลบูมินในเลือดต่ำรับรู้ภาระอาการมากกว่าระดับอัลบูมินในเลือดปกติ ส่วนโรคร่วม ระยะเวลาในการล้างไตทางช่องท้อง ระดับฮีโมโกลบิน บียูเอ็น ครีเอตินิน แคลเซียม ฟอสเฟต และความพอเพียงของการล้างไตที่แตกต่างกัน รับรู้ภาระอาการไม่แตกต่างกัน