Abstract:
ปัญหา HIV/AIDS ในโลกแห่งการทำงานเกิดขึ้นจากทัศนคติที่ไม่ดีในอดีตและความรู้ความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง จนนำไปสู่การเลือกปฏิบัติและตีตราต่อผู้ติดเชื้อซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ดังนั้น องค์การระหว่างประเทศ (ILO) ในฐานะองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในโลกแห่งการทำงานจึงได้กำหนดข้อเสนอแนะและแนวปฏิบัติสำหรับการคุ้มครองสิทธิของแรงงานเหล่านี้ไว้ โดยมีหลักการสำคัญ คือ การคุ้มครองสิทธิในความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ การคุ้มครองสิทธิในความเป็นส่วนตัว และการกำหนดมาตรการในการส่งเสริมสิทธิ โดยประเทศที่มีความใส่ใจในประเด็นปัญหาดังกล่าวสามารถนำไปเป็นต้นแบบในการปรับปรุงมาตรการในประเทศของตนได้ สำหรับมาตรการในการคุ้มครองสิทธิของแรงงานที่ติดเชื้อ HIV/AIDS ของประเทศไทย พบว่ายังบกพร่องอยู่ กล่าวคือ การคุ้มครองสิทธิในความเสมอภาคของแรงงาน พบว่าให้การคุ้มครองเฉพาะประเด็นความเสมอภาคระหว่างชายกับหญิง และในส่วนของการคุ้มครองสิทธิในความเป็นส่วนตัว พบว่า แม้จะมีกฎหมายที่กำหนดหลักการและมาตรการในการคุ้มครองสิทธิในความเป็นส่วนตัวเอาไว้อย่างดี แต่กฎหมายดังกล่าวกลับใช้คุ้มครองเฉพาะแก่ข้อมูลส่วนตัวที่อยู่ในความครอบครองของหน่วยงานของรัฐ ไม่รวมถึงข้อมูลส่วนตัวที่อยู่ในความครอบครองของเอกชน นอกจากนี้ กฎหมายของไทยยังไม่ปรากฏว่ามีการกำหนดมาตรการในการส่งเสริมสิทธิเอาไว้ด้วย ด้วยเหตุที่กล่าวมาข้างต้น จึงขอเสนอให้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 15 ให้สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยการเลือกปฏิบัติในการจ้างงานและการทำงาน ฉบับที่ 111 ของ ILO ซึ่งประเทศไทยได้ให้สัตยาบันเอาไว้และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2561 รวมถึงเสนอให้มีการผลักดันให้ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... ที่สามารถคุ้มครองการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน นอกจากนี้ ในส่วนของมาตรการในการส่งเสริมสิทธิ เห็นว่าสามารถกำหนดเอาไว้ในส่วนของนโยบายด้าน HIV/AIDS ในสถานประกอบกิจการซึ่งมาจากการเจรจาทางสังคม (Social Dialogue) ระหว่างทุก ๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับปัญหาดังกล่าว