dc.contributor.advisor |
ปราโมทย์ เสริมศีลธรรม |
|
dc.contributor.author |
คุณาพจน์ พูลทัศฐาน |
|
dc.contributor.other |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิติศาสตร์ |
|
dc.date.accessioned |
2018-11-21T03:34:44Z |
|
dc.date.available |
2018-11-21T03:34:44Z |
|
dc.date.issued |
2560 |
|
dc.identifier.uri |
http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/60587 |
|
dc.description |
เอกัตศึกษา (ศศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2560 |
en_US |
dc.description.abstract |
เอกัตศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทยในการควบคุมบริษัทโฆษณาที่มีการลักลอบจัดเก็บพฤติกรรมและประวัติการเข้าเว็บไซต์ของบุคคลซึ่งนาข้อมูลเหล่านี้ไปใช้งานเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากการขายโฆษณา เนื่องจากประเทศไทยยังขาดกฎหมายเฉพาะในเรื่องของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งปัจจุบันเป็นเพียงร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ยังไม่มีผลบังคับใช้ อีกทั้งกฎหมายอื่นที่ผลบังคับใช้อยู่ในปัจจุบันอาจจะไม่ครอบคลุมถึงปัญหานี้ ในขณะที่ต่างประเทศนั้น มีการบังคับใช้กฎหมายในลักษณะดังกล่าวแล้ว
จากการศึกษาค้นพบว่าในปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายเฉพาะเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในขณะที่กฎหมายอื่นที่ใช้บังคับอยู่นั้นอาจจะไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมที่บริษัทโฆษณานาข้อมูลเหล่านั้นไปใช้งานเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากการขายโฆษณา หากพิจารณาถึงร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ยังไม่มีผลบังคับใช้นั้น พบว่าร่างกฎหมายดังกล่าวอาจจะไม่ได้มาตรฐานตามกฎหมายของสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาที่ใช้บังคับอยู่ทั้งในแง่ข้อมูลที่ได้รับการคุ้มครองรวมไปถึงมาตรการการลงโทษหากมีการฝ่าฝืน
ดังนั้นจึงควรมีการแก้ไขหรือปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยที่ผู้วิจัยได้เสนอ 6 ข้อเสนอแนะเพื่อให้มีความสอดคล้องและเป็นไปตามมาตราฐานของสภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา 1. ควรมีการแก้ไขจำกัดความของคำว่า ข้อมูลส่วนบุคคล ให้ครอบคลุมไปจนถึงข้อมูลที่เกี่ยวกับการทำงานและให้ข้อมูลพฤติกรรมและประวัติการเข้าเว็บไซต์ และให้ข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการใช้งานอินเตอร์เน็ตให้ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคล 2. มีมาตรการป้องกันและแจ้งให้ทราบ หากมีการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลภายใน 72 ชั่วโมงเช่นเดียวกับกฎหมายของสหภาพยุโรป 3. ขยายหลักดินแดนของกฎหมายนี้เพื่อให้ครอบคลุมทุกบริษัทที่มีการประมวลข้อมูลหรือเก็บข้อมูลของบุคคลไทย 4. มีมาตรการป้องกันและลงโทษนอกเหนือจากโทษปรับและโทษจำคุก 5. ใช้หลักของสภาพยุโรปเรื่องการให้ความยินยอม และอธิบายถึงการเก็บข้อมูลควรจะใช้ภาษาที่ง่ายต่อการทำความเข้าใจ 6. เพิ่มความชัดเจนและตระหนักรู้เรื่องโฆษณาและข้อมูลส่วนบุคคลต่อผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต |
en_US |
dc.language.iso |
th |
en_US |
dc.publisher |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.relation.uri |
http://doi.org/10.58837/CHULA.IS.2017.42 |
|
dc.rights |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.subject |
การคุ้มครองผู้บริโภค -- กฎหมายและระเบียบข้อบังคับ |
en_US |
dc.subject |
การจัดการโฆษณา |
en_US |
dc.title |
การขาดมาตรการควบคุมบริษัทโฆษณาที่ลักลอบจัดเก็บพฤติกรรมและประวัติการเข้าเว็บไซต์ของบุคคล เพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากการขายโฆษณา |
en_US |
dc.type |
Independent Study |
en_US |
dc.degree.name |
ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต |
en_US |
dc.degree.level |
ปริญญาโท |
en_US |
dc.degree.discipline |
กฎหมายเศรษฐกิจ |
en_US |
dc.degree.grantor |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.email.advisor |
pramote.s@chula.ac.th |
|
dc.subject.keyword |
โฆษณา |
en_US |
dc.subject.keyword |
ข้อมูลส่วนบุคคล |
en_US |
dc.identifier.DOI |
10.58837/CHULA.IS.2017.42 |
|