DSpace Repository

ปัญหาการบังคับใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยความรับผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่2) พ.ศ.2560 กับการส่งอีเมลเชิงพาณิชย์ในลักษณะสแปม (spam)

Show simple item record

dc.contributor.advisor ณัชพล จิตติรัตน์
dc.contributor.author ชัญญารักษ์ แซ่ห่าน
dc.contributor.other จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิติศาสตร์
dc.date.accessioned 2018-11-21T07:56:38Z
dc.date.available 2018-11-21T07:56:38Z
dc.date.issued 2560
dc.identifier.uri http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/60593
dc.description เอกัตศึกษา (ศศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2560 en_US
dc.description.abstract เอกัตศึกษาฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัญหาเกี่ยวกับบังคับใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยความรับผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่2) พ.ศ. 2560 กับการส่งอีเมลเชิงพาณิชย์ในลักษณะสแปม (spam) รวมทั้งศึกษาทฤษฎี แนวคิด และมาตรการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับสแปมปัจจุบันทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบ และเพื่อเสนอแนะแนวทางในการเพิ่มเติมบทบัญญัติกฎหมายที่เหมาะสม รวมไปถึงแนวทางในการใช้อีเมลเชิงพาณิชย์เพื่อการโฆษณาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ในขณะที่ยังสามารถปกป้องสิทธิความความเป็นอยู่ส่วนบุคคลของผู้บริโภคได้อย่างเป็นธรรม จากการศึกษาพบว่าปัจจุบัน พระราชบัญญัติว่าด้วยความรับผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ยังไม่สามารถคุ้มครองสิทธิความเป็นอยู่ส่วนบุคคลของผู้บริโภคได้เพียงพอ เนื่องจากไม่มีหลักเกณฑ์ที่แน่ชัดในเรื่องการตั้งชื่อหัวเรื่องของอีเมล (Heading) ซึ่งกระทบต่อสิทธิในการรับรู้คาพรรณนาที่ถูกต้องและเพียงพอของผู้รับ เนื่องจากผู้รับไม่สามารถตัดสินใจก่อนเปิดอ่านอีเมลเชิงพาณิชย์เหล่านั้นได้ ซึ่งนอกจะทาให้สิ้นเปลืองข้อมูลอินเทอร์เน็ต ยังมีความเสี่ยงในการติดไวรัสหรือมัลแวร์อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นกฎหมายยังไม่ได้กำหนดขนาด ความถี่ และปริมาณในการส่งที่เหมาะสมกับอัตราการส่งผ่านข้อมูลระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน ทำให้ผู้รับมีโอกาสได้รับอีเมลเชิงพาณิชย์เป็นจำนวนมากจนรบกวนการใช้งานพื้นที่ในกล่องข้อความของตนอย่างปกติสุข และยังทำให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISPs) หรือผู้ดูแลระบบต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการหรือขยายแบนด์วิดท์ (Bandwidth) หรือเซิร์ฟเวอร์ (server) เพื่อรองรับกับปริมาณข้อมูลโฆษณาที่มีจำนวนมากกว่าครึ่งของอีเมลทั้งหมดบนระบบอินเทอร์เน็ต อีกทั้งยังต้องเป็นฝ่ายจัดหา พัฒนาระบบหรือมาตรการในการป้องกันสแปมเมลให้ทันสมัยอยู่เสมอเพื่อรองรับกับปัญหาที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม การที่ผู้ประกอบการต้องขอความยินยอมก่อนทำการส่งอีเมลโฆษณาโดยใช้หลัก Opt-in เพียงอย่างเดียว เป็นการจำกัดสิทธิในการโฆษณามากเกินไปเช่นกัน ดังนั้นจึงควรพิจารณาปรับใช้หลัก inferred consent ในกรณีเป็นการโฆษณาสินค้าอื่นที่มีลักษณะใกล้เคียงกับสินค้าเดิมที่ผู้รับให้คำยินยอมไว้โดยเปิดช่องทางให้ผู้รับนั้นสามารถบอกปฏิเสธการรับได้โดยง่าย เพื่อเพิ่มอิสระให้แก่ผู้ประกอบการและส่งเสริมความคล่องตัวในการทำการตลาด en_US
dc.language.iso th en_US
dc.publisher จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย en_US
dc.relation.uri http://doi.org/10.58837/CHULA.IS.2017.53
dc.rights จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย en_US
dc.subject สแปม (จดหมายอิเล็กทรอนิกส์) en_US
dc.subject การสื่อสารทางการตลาด en_US
dc.title ปัญหาการบังคับใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยความรับผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่2) พ.ศ.2560 กับการส่งอีเมลเชิงพาณิชย์ในลักษณะสแปม (spam) en_US
dc.type Independent Study en_US
dc.degree.name ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต en_US
dc.degree.level ปริญญาโท en_US
dc.degree.discipline กฎหมายเศรษฐกิจ en_US
dc.degree.grantor จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย en_US
dc.email.advisor natchapol.j@chula.ac.th
dc.subject.keyword พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ en_US
dc.subject.keyword อีเมล en_US
dc.identifier.DOI 10.58837/CHULA.IS.2017.53


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record