DSpace Repository

ความเหมาะสมของการใช้หลักการจัดเก็บภาษีระหว่างประเทศตามหลักแหล่งดึงดูดความสนใจ (Force of Attraction) ในประเทศไทย

Show simple item record

dc.contributor.advisor วุฒิพงษ์ ศิริจันทรานนท์
dc.contributor.author ชาญณรงค์ ไม้เกตุ
dc.contributor.other จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิติศาสตร์
dc.date.accessioned 2018-11-23T07:24:11Z
dc.date.available 2018-11-23T07:24:11Z
dc.date.issued 2560
dc.identifier.uri http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/60603
dc.description เอกัตศึกษา(ศศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2560 en_US
dc.description.abstract ปัจจุบันประเทศไทยได้ลงนามอนุสัญญาระหว่างประเทศเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและป้องกันการเลี่ยงการรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ และจากทุน (อนุสัญญาภาษีซ้อน) กับรัฐต่างๆ โดยละเว้นหลักการ Force of attraction ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้ประเทศแหล่งเงินได้ไม่สูญเสียผลประโยชน์จากการจัดเก็บภาษีจากการค้าระหว่างประเทศ พบว่ามีอนุสัญญาภาษีซ้อนเพียง 15 ฉบับ จาก 61 ฉบับเท่านั้นที่ประเทศไทยได้นำหลักการ Force of attraction มาปรับใช้ เอกัตศึกษาเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อศึกษาความเหมาะสมที่ประเทศไทยจะปรับใช้หลักการ Force of attraction ในอนุสัญญาภาษีซ้อนที่ร่วมลงนามกับรัฐต่างๆ ให้มากขึ้น ตลอดจนศึกษาแนวทาง และประโยชน์จากการปรับใช้หลักการ Force of attraction ในทุกอนุสัญญาภาษีซ้อนที่ประเทศเคนยาได้ร่วมลงนามกับรัฐต่างๆ เพื่อให้เป็นกลไกช่วยเหลือประเทศเคนยาในการจัดเก็บภาษีจากนักลงทุนต่างชาติได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเนื่องจากปัจจุบันประเทศเคนยาเป็นประเทศกำลังพัฒนา และมักเป็นประเทศแหล่งเงินได้เป็นหลัก หลักการ Force of attraction นี้จึงเป็นกลไกที่ดีที่ช่วยรักษาผลประโยชน์ของประเทศเคนยาเอาไว้ ซึ่งเป็นสถานภาพที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย และมีความเหมาะสมที่จะศึกษาเพื่อนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศไทย โดยงานศึกษาเล่มนี้จัดทำขึ้นอาศัยการวิจัยเชิงเอกสาร (Documentary Research) ทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นสำคัญ จากการศึกษาหลักการ Force of attraction สามารถสรุปผลได้ว่าประเทศไทยสมควรที่จะกลับมาพิจารณาความเป็นไปได้ในการปรับใช้หลักการ Force of attraction เช่นเดียวกับการปรับใช้ในประเทศเคนยา เพื่อลดช่องโหว่การหลบเลี่ยงภาษีของนักลงทุนต่างประเทศ โดยลดความกังวลที่จะสูญเสียฐานการลงทุนจากต่างประเทศ เนื่องจากประเทศไทยยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นจุดช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยยังคงมีความน่าสนใจเข้ามาลงทุนมากกว่าการเชิญชวนนักลงทุนด้วยการใช้นโยบายทางภาษี ปัจจัยทดแทนอื่น เช่น ความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์การคมนาคม ความได้เปรียบในแรงงานฝีมือที่มีคุณภาพสูง จากปัจจัยส่งเสริมอื่นๆ ที่ประเทศไทยมี อีกทั้งเป็นปัจจัยที่สามารถเข้ามาทดแทนการเชิญชวนนักลงทุนต่างชาติด้วยนโยบายภาษี ย่อมเป็นจุดที่แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยสามารถที่จะนำหลักการ Force of attraction เข้ามาปรับใช้ในอนุสัญญาภาษีซ้อนได้มากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นกลไกในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทย และเพื่อความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีในประเทศไทย en_US
dc.language.iso th en_US
dc.publisher จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย en_US
dc.relation.uri http://doi.org/10.58837/CHULA.IS.2017.33
dc.rights จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย en_US
dc.subject อนุสัญญาภาษีซ้อน en_US
dc.subject การเลี่ยงภาษี en_US
dc.title ความเหมาะสมของการใช้หลักการจัดเก็บภาษีระหว่างประเทศตามหลักแหล่งดึงดูดความสนใจ (Force of Attraction) ในประเทศไทย en_US
dc.type Independent Study en_US
dc.degree.name ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต en_US
dc.degree.level ปริญญาโท en_US
dc.degree.discipline กฎหมายเศรษฐกิจ en_US
dc.degree.grantor จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย en_US
dc.subject.keyword การจัดเก็บภาษี en_US
dc.subject.keyword นโยบายทางภาษี en_US
dc.identifier.DOI 10.58837/CHULA.IS.2017.33


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record