dc.contributor.advisor |
กาญจนา นิมมานเหมินท์ |
|
dc.contributor.author |
ชานนท์ จูตะกานนท์ |
|
dc.contributor.other |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิติศาสตร์ |
|
dc.date.accessioned |
2018-11-23T07:24:17Z |
|
dc.date.available |
2018-11-23T07:24:17Z |
|
dc.date.issued |
2560 |
|
dc.identifier.uri |
http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/60604 |
|
dc.description |
เอกัตศึกษา(ศศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2560 |
en_US |
dc.description.abstract |
เอกัตศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเหมาะสมของการให้อำนาจอธิบดีในการประกาศราคาขายปลีกแนะนำตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 โดยพิจารณาถึงหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกรมสรรพสามิตใช้ในการกำหนดและประกาศราคาขายปลีกแนะนำว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการเสนอการแก้ไขปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการในการตรวจสอบและประกาศราคาขายปลีกแนะนำของอธิบดีกรมสรรพสามิต วิธีการศึกษานอกจากจะพิจารณาจากตัว พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิตไทยเองแล้ว ยังได้ศึกษาถึงหลักเกณฑ์และวิธีการในการกำหนดฐานภาษีตามมูลค่าที่มาจากราคาขายสินค้าที่ใช้อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศฟิลิปปินส์เพื่อนำมาใช้ในการวิเคราะห์หาแนวทางที่เหมาะสมในการนำหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดฐานภาษีตามมูลค่าดังกล่าวมาปรับใช้ในประเทศไทย
ทั้งนี้จากการศึกษาพบว่า พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิตกำหนดว่า หากกรมสรรพสามิตตรวจพบว่าราคาขายปลีกที่ผู้ค้าปลีกขายให้แก่ผู้บริโภคมีหลายราคา ให้อธิบดีมีอำนาจในการประกาศให้นำราคาขายปลีกที่กรมสรรพสามิตตรวจพบที่สูงที่สุดเป็นราคาขายปลีกแนะนำที่จะนำมาใช้เป็นฐานในการคำนวณภาษีสรรพสามิต นอกจากนี้หากอธิบดีพบว่ารายขายปลีกแนะนำไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงหรือไม่เป็นไปตามกลไกตลาดและไม่สามารถหาราคาฐานนิยมได้ให้อธิบดีมีอำนาจในการประกาศให้นำราคาขายปลีกที่กรมสรรพสามิตตรวจพบที่สูงที่สุดเป็นราคาขายปลีกแนะนำที่จะนำมาใช้เป็นฐานในการคำนวณภาษีสรรพสามิตอีกด้วย เมื่อพิจารณาในทางปฏิบัติแล้วจะพบว่าหลักเกณฑ์ดังกล่าวยังไม่ถูกต้อง เนื่องจากผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีไม่สามารถกำหนดให้ผู้ค้าปลีกขายสินค้าของตนในราคาที่ตนกำหนดได้เนื่องจากจะเป็นการขัดกับ พ.ร.บ. การแข่งขันทางการค้าซึ่งได้กำหนดให้ใช้ราคาสูงสุดมาเป็นฐานในการคำนวณภาษีสรรพสามิตยังถือเป็นข้อกำหนดที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้เสียภาษี
ดังนั้นข้อกำหนดเกี่ยวกับการให้อำนาจอธิบดีในการประกาศราคาขายปลีกแนะนำจึงควรได้รับการแก้ไข โดยการแก้ไขกฎหมายโดยให้เปลี่ยนจากการกำหนดให้ใช้ราคาขายปลีกที่สูงที่สุดเป็นฐานในการคำนวณภาษีสรรพสามิตเป็นการใช้ราคาขายปลีกแนะนำซึ่งในทางปฏิบัติเป็นราคาที่ปรากฏอยู่ที่ตัวสินค้าตามสื่อสิ่งพิมพ์หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในรายการราคา หรือราคาขายที่ได้แจ้งไว้กับทางราชการ เนื่องจากราคาดังกล่าวสะท้อนราคาที่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมหรือผู้นำเข้าประสงค์จะใช้เป็นราคาขายต่อผู้บริโภคทั่วไป ซึ่งจะทำให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้ประกอบอุตสาหกรรมหรือผู้นำเข้า และเอื้อต่อกระบวนการตรวจสอบราคาขายปลีกแนะนำของกรมสรรพสามิตให้เป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็ว |
en_US |
dc.language.iso |
th |
en_US |
dc.publisher |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.relation.uri |
http://doi.org/10.58837/CHULA.IS.2017.28 |
|
dc.rights |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.subject |
สินค้า -- ราคา |
en_US |
dc.subject |
อากรสรรพสามิต |
en_US |
dc.title |
ความเหมาะสมของการให้อำนาจอธิบดีในการประกาศราคาขายปลึกแนะนำตามพ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต |
en_US |
dc.type |
Independent Study |
en_US |
dc.degree.name |
ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต |
en_US |
dc.degree.level |
ปริญญาโท |
en_US |
dc.degree.discipline |
กฎหมายเศรษฐกิจ |
en_US |
dc.degree.grantor |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.email.other |
ไม่มีข้อมูล |
|
dc.subject.keyword |
ภาษีสรรพสามิต |
en_US |
dc.subject.keyword |
ราคาขายปลีก |
en_US |
dc.identifier.DOI |
10.58837/CHULA.IS.2017.28 |
|