Abstract:
วัตถุประสงค์ เนื่องจากยาอะโรมาเทส อินฮิบิเตอร์อาจเพิ่มความเสี่ยงของการลดลงของความหนาแน่นของมวลกระดูก (Bone mineral density) ในคนไข้มะเร็งเต้านมวัยหมดประจำเดือน ในกลุ่ม hormonal receptor-positiveซึ่งคนไข้ส่วนใหญ่จะได้รับวิตามินดี และแคลเซียมเสริมตามคำแนะนำของแนวทางการปฏิบัติส่วนใหญ่ การศึกษาวิจัยนี้จึงทำขึ้นเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระดับวิตามินดี และการเปลียนแปลงความหนาแน่นมวลกระดูกในคนไข้กลุ่มนี้ วิธีการวิจัย การศึกษาแบบ การวิจัยเชิงวิเคราะห์ ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง (Cross-Sectional Analytic Studies) โดยเก็บข้อมูลคนไข้มะเร็งเต้านมที่ได้รับการรักษาเสริมด้วยยาอะโรมาเทส อินฮิบิเตอร์ ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ตั้งแต่ 1 มกราคม 2557 ถึง 31 ธันวาคม 2559 โดยเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของความหนาแน่นมวลกระดูกในคนไข้ที่มีระดับวิตามินดี เพียงพอ (ระดับวิตามินดีมากกว่าหรือเท่ากับ 30 ng/mL) และ ภาวะพร่องวิตามินดี (ระดับวิตามินดีน้อยกว่า 30 ng/mL ) ผลการศึกษา ไม่พบความแตกต่างกันของการเปลี่ยนแปลงความหนาแน่นมวลกระดูกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระหว่างกลุ่มคนไข้ที่มีระดับวิตามินดีเพียงพอและพร่องวิตามินดีใน คนไข้มะเร็งเต้านมที่ได้รับการรักษาเสริมด้วยยาอะโรมาเทส อินฮิบิเตอร์มาเป็นเวลา 1-2 ปี ระดับวิตามินดีเฉลี่ยคือ 24.3 ng/mL,ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 7.4 ng/mL โดยมีผู้ป่วยจำนวน 17(26%) คน และ 33 (52%) คน มีภาวะขาดวิตามินดี และ พร่องวิตามินดี ตามลำดับ การเปลี่ยนแปลงความหนาแน่นมวลกระดูกในบริเวณกระดูกสันหลังส่วนเอว, สะโพก, กระดูกต้นขา และกระดูกแขน คิดเป็น -1.42 ±5.51 %, -1.92±3.91% , -2.25±3.69 % and -3.04 ± 4.51 % ตามลำดับ สรุปผลการศึกษา จากข้อมูลยังไม่สามารถสรุปได้ว่าระดับวิตามินดี 25(OH)D มีผลกับอัตราการเปลี่ยนแปลงความหนาแน่นของมวลกระดูกในช่วง 1-2 ปีแรก ภายหลังการได้รับการรักษาด้วยยาอะโรมาเทส อินฮิบิเตอร์ และได้รับวิตามินดีเสริมในคนไข้มะเร็งเต้านมระยะ 1-3 ที่อยู่ในระยะหมดประจำเดือน