Abstract:
ปัจจุบันภาวะติดงานกำลังเป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจในการศึกษาเชิงประจักษ์ ขณะที่ประเทศไทยยังไม่เคยศึกษาเรื่องความชุกของภาวะติดงาน วัตถุประสงค์ของการวิจัยนี้เพื่อศึกษาหาความชุกและปัจจัยที่เกี่ยวของภาวะติดงาน โดยกลุ่มตัวอย่างคือพยาบาลในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จำนวน 553 คน เพศหญิง ประเมินภาวะติดงานโดยใช้แบบสอบถามที่พัฒนามาจาก Bergen Work Addiction Scale วิเคราะห์ปัจจัยที่เกี่ยวข้องได้แก่ ปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยจากงาน และปัจจัยด้านจิตสังคม ซึ่งใช้แบบสอบถามความเครียดของคนไทยจากการทำงาน โดยใช้สถิติ multiple logistic regression ผลการศึกษาพบว่า ความชุกของภาวะติดงานในกลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 32.2 และ ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับภาวะติดงาน ได้แก่ ช่วงอายุ 31-40 ปี [OR = 2.65 (95% CI = 1.46-4.83)] ช่วงอายุ มากกว่า 40 ปี [OR = 3.42 (95% CI = 1.77-6.60) เมื่อเทียบกับช่วงอายุ 21-30 ปี ภาระครอบครัวน้อย [OR = 2.14 (95% CI = 1.33-3.44)] ออกกำลังกายเป็นครั้งคราว [OR = 0.31 (95% CI = 0.19-0.52)] ตำแหน่งงานผู้บริหาร [OR = 3.85 (95% CI = 1.62-9.14)] จำนวนชั่วโมงในการปฏิบัติงานที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 10 ชั่วโมง [OR = 1.38 (95% CI = 1.19-1.61)] อิสระในการตัดสินใจสูง [OR = 3.01 (95% CI = 1.70-5.33)] ข้อเรียกร้องจากงานทางด้านจิตใจสูง [OR = 2.91 (95% CI = 1.73-4.88)] และแรงสนับสนุนทางสังคมในที่ทำงานสูง [OR = 3.68 (95% CI = 1.69-8.02)] โดยสรุปพบว่าความชุกของภาวะติดงานในการสำรวจครั้งนี้ค่อนข้างสูง ดังนั้น ควรมีการคัดกรองค้นหาผู้ที่มีความเสี่ยง และควรดำเนินการวางแนวทางในการป้องกันภาวะติดงาน เช่น มีการประเมินความสุขในที่ทำงานเป็นระยะ และประเมินว่าปริมาณงานที่ทำว่ามากเกินไปหรือไม่ ตลอดจน มีกิจกรรมที่ผ่อนคลายระหว่างช่วงพัก เช่น การออกกำลังกาย