Abstract:
การวิจัยนี้ศึกษาต้นทุนการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากแนวการนำเถ้าซึ่งเป็นวัสดุเหลือทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมไปใช้เป็นวัสดุทดแทนปูนเม็ดในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ของประเทศไทย ประกอบไปด้วย เถ้าลอย เถ้าชานอ้อย และเถ้าปาล์มน้ำมัน ทำการศึกษาโดยแบ่งออกเป็น 3 กรณีคือกรณีที่อัตราค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน กรณีที่มีการซื้อขาย และกรณีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในอนาคต
การวิเคราะห์จะเป็นไปตามทฤษฎีของต้นทุนและประโยชน์ที่เกิดขึ้น ส่วนของต้นทุน คือ ต้นทุนของเถ้ารวมกับค่าขนส่ง ส่วนของประโยชน์ที่เกิดขึ้นคือ ต้นทุนการดำเนินงานที่เกิดจากปริมาณปูนเม็ดที่ลดลง จะวิเคราะห์ที่อัตราส่วน 1:1 คือปริมาณปูนเม็ดลดลง 1 ตันเท่ากับใช้ปริมาณวัสดุทดแทนปูนเม็ด 1 ตัน ปริมาณปูนเม็ดที่ลดลงเป็นข้อมูลที่ได้จากงานวิจัยอื่นที่ได้มีการศึกษาไว้แล้ว
ผลการวิเคราะห์พบว่าต้นทุนการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของทั้ง 3 กรณี นั้นมีต้นทุนต่ำ โดยผลการวิเคราะห์ทั้ง 3 กรณี เถ้าที่มีต้นทุนที่ต่ำที่สุดคือเถ้าชานอ้อย เถ้าลอยและเถ้าปาล์มน้ำมัน ผลการวิเคราะห์ในกรณีที่ 1 มีต้นทุนเท่ากับ -4596.30 THB/tCO2 ,-3533.24 THB/tCO2 และ-3265.21 THB/tCO2 ตามลำดับ ในกรณีที่ 2 มีต้นทุนเท่ากับ -4390.24 THB/tCO2 , -3533.24 THB/tCO2 และ-3059.15 THB/tCO2 ตามลำดับ ในกรณีที่ 3 มีต้นทุนเท่ากับ -2944.17 THB/tCO2 ,-1311.81 THB/tCO2 และ -408.75 THB/tCO2 ตามลำดับ และปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากที่สุดคือ อัตราค่าขนส่ง การวิเคราะห์หาระยะทางการขนส่งที่ไกลที่สุดที่จะไม่ทำให้ต้นทุนมากกว่าศูนย์ พบว่าในกรณีที่1 และ 2 มีระยะทางการขนส่งที่ค่อนข้างครอบคลุมทุกเส้นทางการขนส่ง ส่วนในกรณีที่ 3 นั้นเส้นทางในการขนส่งบางเส้นทางที่มีระยะทางไกลนั้นไม่สามารถนำไปใช้ได้ เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อต้นทุน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นโรงงานปูนซีเมนต์ยังสามารถเลือกรับซื้อเถ้าจากพื้นที่ใกล้เคียงได้
โดยสรุปแล้วแนวทางการนำเถ้าไปใช้เป็นวัสดุทดแทนปูนเม็ดในอุสาหกรรมปูนซีเมนต์เป็นแนวทางที่มีต้นทุนต่ำ และเมื่อเปรียบเทียบกับศักยภาพการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ยิ่งถือได้ว่าเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพ ควรมีการสนับสนุนให้มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการและผู้บริโภค