dc.contributor.advisor |
วิโรจน์ วาทินพงศ์พันธ์ |
|
dc.contributor.author |
นวรัตน์ ชวนไชยสิทธิ์ |
|
dc.contributor.other |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิติศาสตร์ |
|
dc.date.accessioned |
2018-12-12T06:23:39Z |
|
dc.date.available |
2018-12-12T06:23:39Z |
|
dc.date.issued |
2560 |
|
dc.identifier.uri |
http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/61062 |
|
dc.description |
เอกัตศึกษา(ศศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2560 |
en_US |
dc.description.abstract |
เนื่องจากรูปแบบการจองที่พักหรือโรงแรมแบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์เป็นอีกช่องทางสำคัญทางหนึ่งให้ผู้บริโภคสามารถเลือกจองที่พักล่วงหน้าได้อย่างง่ายดายสะดวกรวดเร็วขึ้นและสามารถเลือกจองได้ในราคาถูก และรูปแบบการจองออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ซึ่งถือเป็นตัวกลางในการดาเนินธุรกิจท่องเที่ยวรูปแบบนี้เกิดขึ้นเพิ่มขึ้นอย่างมากในปัจจุบัน ในขณะเดียวกันก็มีปัญหาเกิดขึ้นและทาให้ผู้ซื้อผู้บริโภคไม่ได้รับความคุ้มครองมากยิ่งขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะกรณีที่เกิดปัญหาในประเทศไทยจากการที่ผู้จองที่พักผ่านเว็บไซต์ของบริษัทผู้ประกอบการต่างชาติ ซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างชาติจดทะเบียนอยู่ต่างประเทศ แม้จะมีการดาเนินธุรกิจมีสาขามีภูมิลาเนาประกอบธุรกิจในไทยก็ตาม แต่ผู้จองที่พักผ่านเว็บไซต์ต่างๆเหล่านั้น ไม่สามารถเข้าพักตามที่จองไว้ได้ และกฎหมายก็ยังไม่สามารถเอาผิดครอบคลุมบริษัทนิติบุคคลผู้ประกอบการต่างชาติได้ รวมถึงไม่สามรถตรวจสอบความมีตัวตนหรือการจดทะเบียนประกอบธุรกิจได้ เนื่องจากนิติบุคคลผู้ประกอบการต่างชาติไม่ปฏิบัติตามระบบการจดทะเบียนประกอบธุรกิจภายใต้กฎหมายไทย นอกจากนี้กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคยังไม่สามารถเรียกร้องให้ผู้ประกอบการต่างชาติรับผิด หรือไม่สามารถเรียกให้เยียวยาความเสียหายได้ จึงได้ทาการศึกษาเอกัตศึกษาฉบับนี้ เพื่อปรับแก้กฎหมายที่ใช้อยู่ปัจจุบันรวมถึงศึกษาหาแนวทางเพิ่มมาตรการเพื่อให้สามารถเรียกร้องให้ผู้ประกอบการเว็บไซต์ซึ่งมีสถานะทางกฎหมายเป็นตัวแทนทางการค้า และเป็นผู้ประกอบธุรกิจซึ่งอยู่ห่างโดยระยะทางหรือที่เรียกว่าผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง รับผิดตามกฎหมาย และเพื่อให้มีการควบคุมตรวจสอบความมีตัวตนของบริษัทผู้ประกอบการเว็บไซต์จองที่พักออนไลน์ต่างๆ โดยเฉพาะกรณีที่เป็นผู้ประกอบการต่างชาติซึ่งมาประกอบธุรกิจในลักษณะเป็นตัวแทนทางการค้าในไทยและมีสำนักงานสาขาซึ่งถือเป็นภูลาเนาในไทยได้อย่างเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้การคุ้มครองผู้บริโภคจากการสารองจองที่พักผ่านเว็บไซต์ได้รับความคุ้มครองที่ดีขึ้น ดังนี้
การปรับแก้กฎหมายพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2560 โดยการเพิ่มค่านิยามให้มีการระบุถึงผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงให้มีความชัดเจนกินความถึงกรณีผู้ประกอบการต่างชาติที่มาตั้งสานักงานสาขาในไทยด้วย ประกอบกับเรื่องการควบคุมดูแลบริษัทผู้ประกอบการเว็บไซต์ที่เป็นต่างชาติประกอบธุรกิจในไทย นอกจากจะมีประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องให้ผู้ประกอบการพาณิชยกิจต้องจดทะเบียนพาณิชย์ภายใต้พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ฉบับที่ใช้อยู่ปัจจุบันแล้วนั้น ก็ควรปรับแก้ ประกาศคณะกรรมการขายตรงและตลาดแบบตรง เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคาขอจดทะเบียนการประกอบธุรกิจขายตรงและการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง ภายใต้พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง ในลักษณะคล้ายๆ ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องให้ผู้ประกอบการพาณิชยกิจต้องจดทะเบียนพาณิชย์ที่กล่าวข้างต้น โดยอาจเพิ่มข้อความในประกาศคณะกรรมการขายตรงและตลาดแบบตรง เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคาขอจดทะเบียนการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง โดยให้ใช้บังคับครอบคลุมตีความถึงผู้ประกอบการ |
en_US |
dc.language.iso |
th |
en_US |
dc.publisher |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.relation.uri |
http://doi.org/10.58837/CHULA.IS.2017.38 |
|
dc.rights |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.subject |
โรงแรม |
en_US |
dc.subject |
ที่พักนักท่องเที่ยว |
en_US |
dc.title |
การคุ้มครองผู้บริโภคในการจองที่พักออนไลน์ : ศึกษากรณีการจองที่พักออนไลน์จากผู้ประกอบการซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างประเทศ |
en_US |
dc.type |
Independent Study |
en_US |
dc.degree.name |
ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต |
en_US |
dc.degree.level |
ปริญญาโท |
en_US |
dc.degree.discipline |
กฎหมายเศรษฐกิจ |
en_US |
dc.degree.grantor |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.email.author |
Wirote.W@Chula.ac.th |
|
dc.subject.keyword |
ธุรกิจท่องเที่ยว |
en_US |
dc.subject.keyword |
จองที่พักออนไลน์ |
en_US |
dc.identifier.DOI |
10.58837/CHULA.IS.2017.38 |
|