dc.contributor.advisor |
วิโรจน์ วาทินพงศ์พันธ์ |
|
dc.contributor.author |
นันทรัตน์ ศรีสรรค์ |
|
dc.contributor.other |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิติศาสตร์ |
|
dc.date.accessioned |
2018-12-12T07:58:15Z |
|
dc.date.available |
2018-12-12T07:58:15Z |
|
dc.date.issued |
2560 |
|
dc.identifier.uri |
http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/61065 |
|
dc.description |
เอกัตศึกษา(ศศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2560 |
en_US |
dc.description.abstract |
ธุรกิจบริการจัดสรรเวลาเข้าใช้สถานที่พักเป็นธุรกิจที่มีลักษณะเฉพาะ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีการ
ผสมผสานทั้งในด้านธุรกิจโรงแรม การท่องเที่ยว รวมไปถึงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เข้าไว้ด้วยกัน
นอกจากนี้ยังมีความหลากหลายในเรื่องประเภทและรูปแบบของผลิตภัณฑ์ในธุรกิจบริการจัดสรรเวลา
(ไทม์แชร์) ทำให้ธุรกิจบริการจัดสรรเวลาเข้าใช้สถานที่พักมีความจำเป็นที่จะต้องมีกฎหมายเพื่อการ
บังคับใช้เป็นการเฉพาะ อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันมีการร้องเรียนจากผู้บริโภคเป็นจำนวนมากในกรณี
ปัญหาการใช้บริการจองที่พักเหล่านี้ ที่พนักงานขายพยายามใช้กลยุทธ์ต่างๆในการขาย เพื่อให้ปิดการ
ขายได้ ส่งผลให้ผู้บริโภคเสียเงินทำสัญญาเพื่อใช้บริการธุรกิจการจัดสรรวันพักผ่อนเป็นจำนวนมาก
และสัญญาเหล่านี้มักมีผลผูกพันเป็นระยะเวลาค่อนข้างนาน แต่เมื่อผู้บริโภคมีความประสงค์ที่จะขอใช้
สิทธิเข้าใช้บริการดังกล่าว กลับใช้บริการไม่ได้หรือไม่เป็นไปตามที่พนักงานได้โฆษณาไว้ ซึ่งในบางครั้ง
สิทธิในการบอกเลิกสัญญาของผู้บริโภคนั้นได้หมดระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว
จากการศึกษาข้อเท็จจริงและมาตรการทางกฎหมาย ผู้วิจัยพบว่า สำหรับประเทศไทยแม้ว่า
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้ออกประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจ
การให้บริการจัดสรรเวลาเข้าใช้สถานที่พักเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2556 แล้วนั้น แต่ยังไม่
สามารถคุ้มครองผู้บริโภคได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากมาตรการดังกล่าวเป็นเพียงการคุ้มครองผู้บริโภค
ในช่วงระยะเวลาทำสัญญา แต่ยังไม่มีมาตรการที่คุ้มครองผู้บริโภคในช่วงระยะเวลาก่อนทำสัญญาและ
ช่วงระยะเวลาหลังทำสัญญาอย่างเหมาะสม ในขณะที่กฎหมายของต่างประเทศทั้งในส่วนของสหภาพ
ยุโรป สหราชอาณาจักร และประเทศออสเตรเลีย มีบทบัญญัติในเรื่องของการคุ้มครองผู้บริโภคใน
ธุรกิจการให้บริการจัดสรรเวลาเข้าใช้สถานที่พักที่ครอบคลุมตั้งแต่ช่วงระยะเวลาก่อนทำสัญญา
ตลอดจนถึงช่วงระยะเวลาหลังทำสัญญา
จากผลการศึกษาแนวทางการพัฒนามาตรการทางกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคในธุรกิจจัดสรร
เวลาเข้าใช้สถานที่พักในประเทศไทย เพื่อให้ปัญหาที่ผู้บริโภคได้รับความเสียหายจากธุรกิจจัดสรร
เวลาเข้าใช้สถานที่พักในประเทศในปัจจุบันได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสมและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
ผู้วิจัยจึงมีข้อเสนอแนะให้มีการปรับปรุงและแก้ไขประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจ
การให้บริการจัดสรรเวลาเข้าใช้สถานที่พักเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2556 ให้ครอบคลุมตั้งแต่
ช่วงระยะเวลาก่อนการเข้าทำสัญญาตลอดตนถึงช่วงระยะเวลาหลังการเข้าทำสัญญา |
en_US |
dc.language.iso |
th |
en_US |
dc.publisher |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.relation.uri |
http://doi.org/10.58837/CHULA.IS.2017.54 |
|
dc.rights |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.subject |
ที่พักนักท่องเที่ยว |
en_US |
dc.subject |
อุตสาหกรรมโรงแรม |
en_US |
dc.title |
แนวทางการพัฒนามาตรการทางกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคในธุรกิจจัดสรรเวลาเข้าใช้สถานที่พักในประเทศไทย |
en_US |
dc.type |
Independent Study |
en_US |
dc.degree.name |
ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต |
en_US |
dc.degree.level |
ปริญญาโท |
en_US |
dc.degree.discipline |
กฎหมายเศรษฐกิจ |
en_US |
dc.degree.grantor |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.email.author |
Wirote.W@Chula.ac.th |
|
dc.subject.keyword |
การท่องเที่ยว |
en_US |
dc.subject.keyword |
บริการจองที่พัก |
en_US |
dc.identifier.DOI |
10.58837/CHULA.IS.2017.54 |
|