dc.contributor.advisor |
ศุภลักษณ์ พินิจภูวดล |
|
dc.contributor.author |
นิศารัตน์ พุ่มฉัตร |
|
dc.contributor.other |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิติศาสตร์ |
|
dc.date.accessioned |
2018-12-12T07:58:28Z |
|
dc.date.available |
2018-12-12T07:58:28Z |
|
dc.date.issued |
2560 |
|
dc.identifier.uri |
http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/61067 |
|
dc.description |
เอกัตศึกษา(ศศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2560 |
en_US |
dc.description.abstract |
ในปี พ.ศ. 2560 ประเทศไทยมีการออกมาตรการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อสนับสนุน
กิจการเงินร่วมลงทุนโดยการตราพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการ
ยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 636) พ.ศ. 2560 ซึ่งเป็นการขยายขอบเขตการให้สิทธิประโยชน์ของ
พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 597) พ.ศ.
2559 ซึ่งกำหนดให้กิจการเงินร่วมลงทุนที่ประสงค์จะใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจะต้องทำการจดแจ้ง
ต่อคณะกรรมการกากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ภายในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2559 โดยได้มีการขยายระยะเวลาดังกล่าวออกไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2561 ซึ่งการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีนี้สืบเนื่องมาจากนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการสนับสนุนให้มีการลงทุนในการประกอบกิจการเงินร่วมลงทุนมากยิ่งขึ้นเพื่อพัฒนาตลาดทุนของประเทศไทยและส่งเสริมให้มีการลงทุนในกิจการเป้าหมายที่ใช้เทคโนโลยีเป็นฐานในการประกอบกิจการตามอุตสาหกรรมที่รัฐต้องการสนับสนุนเพื่อตอบสนองโมเดลประเทศไทย 4.0 ซึ่งต้องการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม (Value-Based Economy)
เอกัตศึกษาเล่มนี้ได้ทาการศึกษามาตรการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อสนับสนุนกิจการ
เงินร่วมลงทุนดังกล่าวโดยวิเคราะห์เปรียบเทียบกับมาตรการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อสนับสนุน
กิจการเงินร่วมลงทุนของต่างประเทศซึ่งได้แก่ ประเทศอังกฤษ ประเทศสิงคโปร์ และประเทศมาเลเซียซึ่งจากการศึกษาพบว่าพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 636) พ.ศ. 2560 มีการกำหนดสิทธิประโยชน์เฉพาะการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินปันผลและรายได้ที่ได้รับจากการโอนหุ้นแก่กิจการเงินร่วมลงทุนที่ลงทุนในการประกอบ
อุตสาหกรรมเพียง 10 ประเภท ซึ่งไม่ครอบคลุมทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยการให้สิทธิประโยชน์ในการยกเว้นภาษีนี้เป็นการให้สิทธิประโยชน์ทั้งแก่ผู้ประกอบกิจการเงินร่วมลงทุนและผู้ลงทุนในกิจการ
เงินร่วมลงทุน นอกจากนี้พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวยังขาดมาตรการบรรเทาภาระภาษีในลักษณะอื่น
และกรณีที่กิจการเงินร่วมลงทุนได้ลงทุนในกิจการซึ่งใช้เทคโนโลยีเป็นฐานแต่ไม่ใช่อุตสาหกรรม 10
ประเภทตามพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้มีการกำหนดสิทธิประโยชน์ในการยกเว้นในเงื่อนไขที่แตกต่าง
ออกไปตามกฎหมายฉบับอื่น ทาให้เกิดความไม่เหมาะสมและไม่เป็นการส่งเสริมกิจการเงินร่วมลงทุนอย่างแท้จริงจึงเห็นควรให้มีการขยายขอบเขตการสนับสนุนให้ครอบคลุมทุกกลุ่มอุตสาหกรรมและควรเพิ่มการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีโดยการใช้มาตรการการบรรเทาภาระภาษีในรูปแบบอื่นเพื่อก่อให้เกิดการส่งเสริมกิจการเงินร่วมลงทุนอย่างแท้จริง |
en_US |
dc.language.iso |
th |
en_US |
dc.publisher |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.relation.uri |
http://doi.org/10.58837/CHULA.IS.2017.10 |
|
dc.rights |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.subject |
การส่งเสริมการลงทุน |
en_US |
dc.subject |
ภาษีเงินได้--การหักลดหย่อน |
en_US |
dc.title |
มาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนกิจการเงินร่วมลงทุน : ศึกษากรณีการลงทุนในกิจการซึ่งใช้เทคโนโลยีในการประกอบอุตสาหกรรมตามพระราชกฤษฎีกาฉบับที่ 636 พ.ศ.2560 |
en_US |
dc.type |
Independent Study |
en_US |
dc.degree.name |
ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต |
en_US |
dc.degree.level |
ปริญญาโท |
en_US |
dc.degree.discipline |
กฎหมายเศรษฐกิจ |
en_US |
dc.degree.grantor |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.email.author |
Supalak.P@Chula.ac.th |
|
dc.subject.keyword |
การยกเว้นภาษี |
en_US |
dc.subject.keyword |
กิจการเงินร่วมลงทุน |
en_US |
dc.identifier.DOI |
10.58837/CHULA.IS.2017.10 |
|