dc.contributor.advisor |
ทัชชมัย ทองอุไร |
|
dc.contributor.author |
พีรดา กมลพัฒนะ |
|
dc.contributor.other |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิติศาสตร์ |
|
dc.date.accessioned |
2018-12-17T02:41:10Z |
|
dc.date.available |
2018-12-17T02:41:10Z |
|
dc.date.issued |
2560 |
|
dc.identifier.uri |
http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/61075 |
|
dc.description |
เอกัตศึกษา(ศศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2560 |
en_US |
dc.description.abstract |
ปัจจุบันรัฐบาลต้องการให้นักลงทุนมาลงทุนในประเทศไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนใน
กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ดังนั้น รัฐบาลจึงได้ออกพระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการ
แข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ. 2560 เพื่อใช้เป็นกลไกและเครื่องมือที่สำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศโดยถือเป็นการเพิ่มเครื่องมือการชักจูงนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนเพื่อให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันกับประเทศต่างๆ ในการดึงนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับศักยภาพของประเทศ นอกจากนี้ยังถือเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคอุตสาหกรรมไทยโดยสนับสนุนเงินกองทุนให้ผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือการพัฒนาบุคลากรเฉพาะด้านของกิจการในอุตสาหกรรมเป้าหมายซึ่งจะก่อให้เกิดการยกระดับศักยภาพของอุตสาหกรรมไทยโดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมปัจจุบันที่ยกระดับเพื่อต่อยอดการเจริญเติบโต (First S-Curve) และกลุ่มอุตสาหกรรมอนาคตเพื่อยกระดับเศรษฐกิจไทยแบบก้าวกระโดด (New S-Curve) เพื่อให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ยุคที่เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม (ประเทศไทย 4.0) ได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคตสำหรับสิทธิประโยชน์ที่มีภายใต้พระราชบัญญัติฉบับนี้ สามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ
(1) ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสาหรับกำไรสุทธิที่ได้จากการประกอบกิจการใน
อุตสาหกรรมเป้าหมายตามระยะเวลาที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด
(2) เงินสนับสนุนจากกองทุนขนาด 10,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการ
ลงทุน การวิจัยและพัฒนา การส่งเสริมนวัตกรรม หรือการพัฒนาบุคลากรเฉพาะด้านของกิจการใน
อุตสาหกรรมเป้าหมาย
(3) สิทธิประโยชน์อื่นๆ ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน โดยไม่รวมสิทธิประโยชน์
ด้านภาษีเงินได้นิติบุคคล เช่น สิทธิประโยชน์ในการยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักรที่นำเข้าจาก
ต่างประเทศ การอนุญาตให้นำผู้เชี่ยวชาญหรือช่างฝีมือต่างชาติเข้ามาทางานในประเทศพร้อมการ
ให้บริการขอวีซ่าและ Work Permit เป็นต้น
แม้ว่าพระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ. 2560 ให้สิทธิและประโยชน์แก่นักลงทุนค่อนข้างมากแต่ก็อาจจะยังไม่เพียงพอที่จะเป็นแรงจูงใจให้กับนักลงทุนที่ต้องการเลือกมาลงทุนกับประเทศไทย เพราะสิทธิและประโยชน์ของอุตสาหกรรมเป้าหมายบางประการของประเทศไทยยังน้อยกว่าสิทธิและประโยชน์ที่ประเทศอื่นๆ ให้ โดยเฉพาะประเทศที่เป็นคู่แข่งทางการค้าของประเทศไทยอย่างประเทศสิงคโปร์และประเทศแคนาดาที่เป็นประเทศซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก จึงส่งผลให้เกิดปัญหาในเรื่องดังต่อไปนี้
(1) ระยะเวลาการให้สิทธิและประโยชน์ทางภาษีอากรของอุตสาหกรรมเป้าหมายของ
ประเทศไทยมีระยะเวลาไม่เกิน 15 ปี ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ไม่แตกต่างจากประเทศอื่นๆ แต่เนื่องจาก
ประเทศอื่นๆ นอกจากจะให้ระยะเวลาการให้สิทธิและประโยชน์ทางภาษีแล้วยังมีการให้ระยะเวลา
เพิ่มเติมสำหรับนักลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อเป็นแรงจูงใจให้นักลงทุนมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
(2) ค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนที่สามารถนำมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายด้านภาษี ควรจะมีการยืดหยุ่นในเรื่องค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนของอุตสาหกรรมเป้าหมายเพราะเนื่องจากการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมากและกว่าจะได้กาไรกลับมาต้องใช้ระยะเวลาที่ค่อนข้างนาน ดังนั้น ถ้ารัฐบาลไม่มีการยืดหยุ่นในการนำค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนมาเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีจะส่งผลให้การนำค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายด้านภาษีได้น้อยซึ่งจะส่งผลต่อแรงจูงใจของนักลงทุน
(3) การให้สิทธิและประโยชน์ในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา เนื่องจากทรัพย์สินทางปัญญา
เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ในปัจจุบันรัฐบาลยังไม่มีนโยบายและการให้สิทธิประโยชน์ในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาแก่อุตสาหกรรมเป้าหมายจากปัญหาทั้ง 3 ประการข้างต้น ถ้ารัฐบาลสามารถแก้ปัญหาได้โดยศึกษาจากการให้สิทธิและประโยชน์แก่อุตสาหกรรมเป้าหมายของต่างประเทศที่เริ่มต้นก่อนประเทศไทยและประสบความสำเร็จ
ในการชักจูงให้นักลงทุนเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายในประเทศของตนเองได้นั้นจะทำให้
อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศไทยประสบความสำเร็จและสามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืนซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ยุคที่เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรมและตอบสนองนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประเทศมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน |
en_US |
dc.language.iso |
th |
en_US |
dc.publisher |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.relation.uri |
http://doi.org/10.58837/CHULA.IS.2017.22 |
|
dc.rights |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.subject |
การพัฒนาอุตสาหกรรม |
en_US |
dc.subject |
การยกเว้นอากรการนำเข้า |
en_US |
dc.title |
แนวทางในการแก้ไขปรับปรุงมาตรการทางภาษีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเภทอุตสาหกรรมเป้าหมาย |
en_US |
dc.type |
Independent Study |
en_US |
dc.degree.name |
ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต |
en_US |
dc.degree.level |
ปริญญาโท |
en_US |
dc.degree.discipline |
กฎหมายเศรษฐกิจ |
en_US |
dc.degree.grantor |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.email.advisor |
Tashmai.R@chula.ac.th |
|
dc.subject.keyword |
ภาคอุตสาหกรรม |
en_US |
dc.subject.keyword |
การพัฒนาเศรษฐกิจ |
en_US |
dc.identifier.DOI |
10.58837/CHULA.IS.2017.22 |
|