dc.contributor.advisor |
วิโรจน์ วาทินพงศ์พันธ์ |
|
dc.contributor.author |
วราพร สิริมงคลนิวัติ |
|
dc.contributor.other |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิติศาสตร์ |
|
dc.date.accessioned |
2018-12-24T04:24:16Z |
|
dc.date.available |
2018-12-24T04:24:16Z |
|
dc.date.issued |
2560 |
|
dc.identifier.uri |
http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/61085 |
|
dc.description |
เอกัตศึกษา(ศศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2560 |
en_US |
dc.description.abstract |
การควบรวมกิจการเป็นหนึ่งในการดำเนินธุรกิจโดยทั่วไป ซึ่งเป็นกระบวนการทางธุรกิจในการ
ปรับเปลี่ยนโครงสร้างและอำนาจการควบคุมกิจการ ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลดีและผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจดังเช่นกิจการอื่นๆ การควบรวมหลายครั้งที่เป็นผลดีต่อการแข่งขันและผู้บริโภค โดยทาให้กิจการสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ในหลายการควบรวมก็เป็นการเปลี่ยนกลไกทางตลาดโดยทำให้ราคาสูงขึ้นคุณภาพของสินค้าและบริการแย่ลง หรือการก่อให้เกิดนวัตกรรมลดลงเนื่องจากเป็นการทำให้การแข่งขันลดลงหรือเกิดภาวะที่นำไปสู่การผูกขาด
จากการที่กิจการธนาคารเป็นหนึ่งในสถาบันการเงิน การควบรวมกิจการธนาคารจึงอยู่ภายใต้
พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 ที่กำหนดให้กิจการจะต้องยื่นคำขอควบรวมกิจการให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาก่อน แต่กฎหมายดังกล่าวไม่ได้มีการกำหนดเนื้อหาเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ในการพิจารณาของธนาคารแห่งประเทศไทยรวมถึงไม่ได้มีการกล่าวถึงหรือให้ความสำคัญในด้านการแข่งขันทางการค้า ประกอบกับในพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 มีการระบุถึงข้อยกเว้นในการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้กับกิจการที่มีกฎหมายกำกับดูแลเฉพาะในเรื่องการแข่งขันทางการค้า จึงทำให้ปัจจุบันการควบรวมกิจการธนาคารยังคงอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้าต่อไปในบริบทของประเทศไทย การพิจารณาการควบรวมกิจการธนาคารโดยธนาคารแห่งประเทศไทยมีความเหมาะสมดีอยู่แล้วตามความเห็นของผู้เขียน เนื่องจากมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถและธนาคารเป็นกิจการที่มีลักษณะพิเศษแตกต่างจากกิจการทั่วไป ประกอบกับเป็นการลดภาระการทางานที่ซ้ำซ้อนกันระหว่างหน่วยงานของรัฐ อีกทั้งลดขั้นตอนที่ยุ่งยากสาหรับผู้ประกอบธุรกิจที่จะต้องยื่นเรื่องกับหลายหน่วยงานจึงเห็นควรให้มีการเพิ่มหลักเกณฑ์ในการพิจารณาด้านการแข่งขันทางการค้าในกฎหมายที่กำกับดูแลกิจการธนาคารไปด้วยเพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติในพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้าพ.ศ. 2560 และทำให้
การควบรวมกิจการธนาคารจะสามารถอยู่ภายใต้การกากับดูแลโดยธนาคารแห่งประเทศไทยโดยอาจขอความเห็นจากคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าประกอบด้วย เพราะท้ายที่สุด แม้การแข่งขันทางการค้าที่เสรีหรือการที่กิจการอยู่ในตลาดแข่งขันสมบูรณ์จะทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในทางทฤษฎี หากแต่การมีเสถียรภาพของเศรษฐกิจและการพิจารณาถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญนั้นก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องให้น้ำหนักเช่นเดียวกัน ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่รับผิดชอบในการพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนและมองผลกระทบรอบด้านให้มากที่สุดก่อนการตัดสินใจใดๆ |
en_US |
dc.language.iso |
th |
en_US |
dc.publisher |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.relation.uri |
http://doi.org/10.58837/CHULA.IS.2017.52 |
|
dc.rights |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.subject |
การค้าผูกขาด |
en_US |
dc.subject |
การผูกขาดโดยกลุ่ม |
en_US |
dc.title |
มาตรการการควบรวมธุรกิจธนาคารภายใต้กฎหมายการแข่งขันทางการค้าของประเทศไทย |
en_US |
dc.type |
Independent Study |
en_US |
dc.degree.name |
ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต |
en_US |
dc.degree.level |
ปริญญาโท |
en_US |
dc.degree.discipline |
กฎหมายเศรษฐกิจ |
en_US |
dc.degree.grantor |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.email.advisor |
Wirote.W@Chula.ac.th |
|
dc.subject.keyword |
การควบรวมธุรกิจ |
en_US |
dc.subject.keyword |
การแข่งขันทางการค้า |
en_US |
dc.identifier.DOI |
10.58837/CHULA.IS.2017.52 |
|