Abstract:
ที่มา การติดตามการตอบสนองทางระบบภูมิคุ้มหลังการปลูกถ่ายไต มีความสำคัญในการดูแลรักษาผู้ป่วย การประเมินมี 2 ชนิดคือการตอบสนอง humoral และ cellular การประเมินการตอบสนองชนิด humoral ทำได้โดยการตรวจ donor specific HLA antibody ซึ่งในปัจจุบันเป็นที่ยอมรับว่าเป็นการทดสอบที่สำคัญในการระบุความเสี่ยงต่อ humoral rejection ในผู้ป่วยหลังปลูกถ่าย ส่วนการตรวจการตอบสนอง cellular นั้น ในอดีตได้มีการศึกษาโดยการใช้ [3H]-thymidine MLR ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดถึงประโยชน์การตรวจ [3H]-thymidine MLR เนื่องจากมีข้อจำกัดและความคลาดเคลื่อนจากการตรวจ การศึกษานี้มีจุดมุ่งหมายที่จะนำวิธี MLR-CSFE ซึ่งถูกนำมาใช้ทดแทนวิธีเดิม เพื่อประเมินการตอบสนองทางระบบภูมิคุ้มกันแบบ cellular วิธีการศึกษา ผู้ป่วยพร้อมคู่ผู้บริจาคไตที่เข้าร่วมการศึกษา จะได้รับการเจาะเลือดเพื่อนำไปแยกเซลล์เม็ดเลือดขาว หลังจากนั้นนำเม็ดเลือดขาวจากผู้บริจาคไตจะถูกนำไปฉายแสง 3000 rad(เสมือนเป็นตัวกระตุ้น) ส่วนเซลล์เม็ดเลือดขาวของผู้ป่วยจะนำไปย้อมสี CFSE (InvitrogenTM, UK) แล้วนำเซลล์เม็ดเลือดของผู้ป่วยและผู้บริจาคมาเพาะเลี้ยงร่วมกันเป็นเวลา 96 ชั่วโมง การทดสอบนี้จะมีตัวกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์ (Phytohemaglutinin และ pool irradiated donors) เป็นตัวควบคุมและใช้เป็นการทดสอบเปรียบเทียบ การศึกษานี้จะตรวจวัดปริมาณความเข้มข้นของ interleukin (IL)17 ใน supernatant และนำเซลล์ที่ได้จากการเพาะเลี้ยงไปวัดปริมาณการแบ่งตัวของ T-cell ด้วย flow cytometer จากนั้นทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรม FLOWJOR ซึ่งจะมีการรายงานผลเป็นค่า proliferation index (PI), stimulation index (SI), CD4, CD8 T-cell การคำนวณการทำงานของไตใช้สมการ Modification of Diet in Renal Disease (re-express IDMS traceable) ผลการศึกษา ผู้ป่วยที่เข้าร่วมการศึกษา 22 ราย ค่าเฉลี่ยของ HLA mismatch เท่ากับ 2.32±1.6 โดยมีจำนวนผู้ป่วย 7 รายที่มีประวัติการเกิดภาวะปฏิเสธไตจากการตรวจชิ้นเนื้อ (กลุ่มที่ 1) และมีจำนวน 15 รายที่ไม่มีภาวะปฏิเสธไต (กลุ่มที่ 2) พบว่าระยะเวลาหลังการปลูกถ่ายไตกลุ่มที่ 1 สั้นกว่ากลุ่มที่ 2 อย่างมีนัยสำคัญ (4.9±3.9 Vs 8.6±3.2 ปี; p=0.03) ค่าเฉลี่ยการทำงานของไตในผู้ป่วยกลุ่มที่ 1 น้อยกว่ากลุ่มที่ 2 อย่างมีนัยสำคัญ (41.7±19.2 Vs 80.6±19.0 มล/นาที/1.73 เมตร2; p<0.001 การศึกษาพบว่าค่า proliferation index stimulation index และปริมาณ CD4 ระหว่างผู้ป่วยทั้ง 2 กลุ่มไม่มีความแตกต่างกัน แต่มีแนวโน้มว่าผู่ป่วยกลุ่มที่ 1 จะมีปริมาณ CD8 (30.5±11.0% Vs 20.8±9.8%; p=0.16) และความเข้มข้นของ IL17 (54.8±44.6 Vs 8.75±8.05 pg/ml; p=0.16) มากว่ากลุ่มที่ 2 แต่ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ สรุปผลการศึกษา การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยหลังปลูกถ่ายไตที่มีประวัติการเกิดภาวะไตปฏิเสธอาจมีปริมาณ CD8 และปริมาณความเข้มข้น IL17 มากกว่ากลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มีประวัติการภาวะไตปฏิเสธ การทดสอบด้วยวิธี MLR-CSFE น่าจะได้รับการศึกษาต่อเพื่อพัฒนาเป็นการทดสอบติดตามการตอบสนองระบบภูมิคุ้มกัน cellular หลังปลูกถ่ายไต