Abstract:
วิทยานิพนธ์นี้มีจุดประสงค์เพื่อวิเคราะห์วิกฤตอัตลักษณ์ความเป็นชายในวรรณกรรมหลังสงครามโลกครั้งที่สองของคะวะบะตะ ยะซุนะริ โดยศึกษานวนิยายจำนวน 4 เรื่อง ได้แก่ นวนิยายเรื่อง เสียงแห่งขุนเขา 『山の音』(1954)นวนิยายเรื่อง นิทราเทวี『眠れる美女』(1961)นวนิยายขนาดสั้นเรื่อง แขนข้างเดียว『片腕』(1964)และนวนิยายเรื่อง ดอกแดนดิไลออน『たんぽぽ』(1968)และศึกษาบริบททางสังคมและวัฒนธรรมที่สัมพันธ์กับวรรณกรรมดังกล่าว
ผลการวิจัยสรุปได้ว่าวรรณกรรมของคะวะบะตะที่เขียนขึ้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองมีความสัมพันธ์กับบริบททางสังคมในช่วงเวลาดังกล่าว การนำเสนอวิกฤตอัตลักษณ์ความเป็นชายในนวนิยายได้แสดงให้เห็นถึงภาพของสังคมญี่ปุ่นในช่วงทศวรรษ 1950 และทศวรรษ 1960 ซึ่งได้รับผลกระทบจากการพ่ายแพ้สงครามและถูกยึดครองโดยสหรัฐอเมริกา นักเขียนได้ตระหนักถึงสภาวะในขณะนั้นและนำเสนอผ่านตัวละครเอกในนวนิยายที่เป็นตัวเอกปฏิลักษณ์ (antihero) ไร้สมรรถภาพทางเพศ มีความโดดเดี่ยวแปลกแยกจากสังคม ตัวละครได้สะท้อนให้เห็นถึงภาวะไร้ซึ่งอำนาจของเพศชาย ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นวิกฤตอัตลักษณ์ความเป็นชายอย่างชัดเจน กล่าวคือ นักเขียนนำเสนอภาพของตัวละครชายที่ล้มเหลวในฐานะผู้นำครอบครัว ปฏิเสธหลีกหนีการเป็นพ่อและสามีที่ดีตามบทบาททางเพศภายใต้ระบบครอบครัวซึ่งผู้ชายถูกกำหนดให้เป็นเพศที่เข้มแข็งและผูกพันกับภาระหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะพ่อและสามี นักเขียนนำเสนอภาพของตัวละครชายที่ประสบกับภาวะโดดเดี่ยวแปลกแยกในสังคมเมืองอันสืบเนื่องจากปัญหาในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นโดยเฉพาะความสัมพันธ์ชายหญิงที่เป็นความสัมพันธ์เชิงอำนาจ ตัวละครเหล่านี้จึงเลือกวิธีการต่อรองเพื่อยืนยันความเป็นชายของตนด้วยการแสดงออกถึงความปรารถนาทางเพศในรูปที่บิดเบี้ยวหรือมีรูปแบบพฤติกรรมทางเพศที่เบี่ยงเบนไปจากบรรทัดฐานของสังคมเพื่อรับมือกับภาวะวิกฤตดังกล่าว ความปรารถนาทางเพศในรูปที่บิดเบี้ยวดังกล่าวถูกนำเสนอผ่านความสัมพันธ์ในลักษณะต้องห้ามที่ถูกกดทับไว้ในระดับจิตไร้สำนึก ซึ่งเผยให้เห็นถึงความวิตกกังวลในบทบาททางเพศหรือความไม่เป็นชายของตัวละคร การนำเสนอวิกฤตอัตลักษณ์ความเป็นชายในวรรณกรรมได้สะท้อนให้เห็นถึงภาพของผู้ชายที่มีความสับสนภายในจิตใจระหว่างความเป็นปัจเจกบุคคลกับโครงสร้างทางสังคมญี่ปุ่นในช่วงเวลาดังกล่าว