Abstract:
วิทยานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบต้นทุนการผลิตมะเขือเทศและข้าวโพดฝักอ่อนสำเร็จรูประหว่างโรงงานในโครงการหลวงอาหารสำเร็จรูป 4 โรงงาน ในภาคเหนือโรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตั้งอยู่ที่จังหวัดสกลนครและจังหวัดบุรีรัมย์ จากการศึกษาโครงสร้างต้นทุนการผลิตพบว่า ทุกโรงงานมีโครงสร้างต้นทุนที่สำคัญเหมือนกัน คือวัตถุดิบ ค่าแรงงานทางตรง และค่าใช้จ่ายการผลิตโดยเฉพาะส่วนที่เป็นค่าภาชนะบรรจุใช้ไปและค่าเชื้อเพลิงใช้ไป ค่าใช้จ่ายการผลิตอื่นๆ ได้แก่ ค่าสารเคมี เงินเดือน ค่าวัสดุใช้ไป ค่าซ่อมแซมและค่าเสื่อมราคา การวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ การวิเคราะห์รายเดือนแล้วรวมเฉลี่ยเป็นรายปี ซึ่งทำการวิเคราะห์ข้อมูลเฉพาะปี พ.ศ.2531 เพื่อดูความแตกต่างของต้นทุนในแต่ละเดือน และการวิเคราะห์เป็นรายปีรวม 3 ปี ในปี พ.ศ.2529 ถึง พ.ศ.2531 เพื่อดูแนวโน้มของต้นทุน ซึ่งพบว่าลดลงเนื่องจากการพัฒนาระบบการผลิตและการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ ผลการเปรียบเทียบต้นทุนการผลิตในปี พ.ศ.2531 สรุปได้ว่าโรงงานในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีต้นทุนการผลิตมะเขือเทศสำเร็จรูปเฉลี่ยต่อกิโลกรัมต่ำกว่าโรงงานในภาคเหนือ แต่มีต้นทุนการผลิตข้าวโพดฝักอ่อนสำเร็จรูปเฉลี่ยต่อกิโลกรัมสูงกว่า ทั้งนี้เนื่องจากความแตกต่างในปริมาณวัตถุดิบ ปริมาณการผลิต และวิธีการใช้ปัจจัยการผลิต สำหรับการวิเคราะห์ในช่วง 3 ปี สรุปได้ว่าต้นทุนการผลิตมะเขือเทศและข้าวโพดฝักอ่อนสำเร็จรูปเฉลี่ยต่อกิโลกรัมของโรงงานในภาคตะวันออกเฉียงเหนือต่ำกว่าภาคเหนือ จากการทดสอบสมมติฐานที่ระดับนัยสำคัญ 0.05 สรุปได้ว่าต้นทุนการผลิตมะเขือเทศและข้าวโพดฝักอ่อนสำเร็จรูปเฉลี่ยต่อกิโลกรัมระหว่างโรงงานในแต่ละภาคส่วนใหญ่ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ต้นทุนการผลิตมะเขือเทศสำเร็จรูปเฉลี่ยต่อกิโลกรัมของโรงงานในภาคเหนือไม่สูงกว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างมีนัยสำคัญ และต้นทุนการผลิตข้าวโพดฝักอ่อนสำเร็จรูปเฉลี่ยต่อกิโลกรัมของโรงงานในภาคเหนือก็ไม่ต่ำกว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน การศึกษาทำให้ทราบถึงปัญหาด้านการผลิตที่โรงงานประสบอยู่ คือ การที่วัตถุดิบมีลักษณะเป็นผลผลิตตามฤดูกาลโดยเฉพาะมะเขือเทศ ทำให้มีผลต่อการบริหารแรงงานและการวางแผนการผลิต ปัญหาการพัฒนาความรู้ความสามารถของบุคลากร รวมทั้งปัญหาการรวบรวมข้อมูลด้านการผลิตและการคำนวณต้นทุนการผลิตให้เป็นไปในแนวเดียวกันทุกโรงงาน เพื่อสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์เพื่อการบริหารได้มากยิ่งขึ้น