DSpace Repository

ประสิทธิภาพของซิลเวอร์ไดเอมีนฟลูออไรด์ในการคืนแร่ธาตุในรอยผุชั้นเนื้อฟัน: การวิจัยเชิงทดลองในห้องปฏิบัติการ

Show simple item record

dc.contributor.advisor ชุติมา ไตรรัตน์วรกุล
dc.contributor.advisor พนิดา ธัญญศรีสังข์
dc.contributor.advisor ธีรยุทธ วิไลวัลย์
dc.contributor.author กันตพร คุณพนิชกิจ
dc.contributor.other จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะทันตแพทยศาสตร์
dc.date.accessioned 2019-09-14T02:36:55Z
dc.date.available 2019-09-14T02:36:55Z
dc.date.issued 2561
dc.identifier.uri http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/63086
dc.description วิทยานิพนธ์ (วท.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2561
dc.description.abstract การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของซิลเวอร์ไดเอมีนฟลูออไรด์ที่มีจำหน่ายในท้องตลาด ในการคืนแร่ธาตุในรอยผุชั้นเนื้อฟันของฟันน้ำนม การศึกษานี้เป็นการศึกษาในห้องปฏิบัติการโดยใช้ชิ้นฟันตัวอย่างจากฟันกรามน้ำนมที่มีรอยผุตามธรรมชาติชั้นเนื้อฟันจำนวน 36 ชิ้น วัดความหนาแน่นแร่ธาตุของรอยผุเริ่มต้นด้วยเครื่องถ่ายภาพรังสีคอมพิวเตอร์ระดับไมโครเมตรแล้วนำมาคำนวณความลึกรอยผุและความหนาแน่นแร่ธาตุเฉลี่ย แบ่งชิ้นฟันเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 ทา Saforide® (Toyo Seiyaku Kesei, Japan) กลุ่มที่ 2 ทา Advantage ArrestTM (Elevate Oral Care, USA) และกลุ่มที่ 3 ทาน้ำปราศจากไอออน (กลุ่มควบคุม) นำไปผ่านกระบวนการสลับกรด-ด่างโดยใช้เชื้อแบคทีเรียเพื่อจำลองสภาวะในช่องปากเป็นเวลา 5 วัน จากนั้นนำมาวัดความหนาแน่นแร่ธาตุหลังการทดลองด้วยเครื่องถ่ายภาพรังสีคอมพิวเตอร์ระดับไมโครเมตร คำนวณความลึกรอยผุ ความหนาแน่นแร่ธาตุเฉลี่ยและร้อยละการเปลี่ยนแปลงความหนาแน่นแร่ธาตุหลังการทดลอง ผลการทดลองพบว่าชิ้นฟันตัวอย่างกลุ่มที่ทา Saforide® และ Advantage ArrestTM มีความลึกรอยผุหลังการทดลองลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p= 0.033 และ 0.021 ตามลำดับ) และมีความหนาแน่นแร่ธาตุเฉลี่ยหลังการทดลองเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p= 0.002 และ 0.002 ตามลำดับ) พบว่าร้อยละการเปลี่ยนแปลงความหนาแน่นแร่ธาตุระหว่างกลุ่มทดลองทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างกันแต่แตกต่างจากกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p< 0.001) สรุปได้ว่า Saforide® และ Advantage ArrestTM มีประสิทธิภาพในการคืนแร่ธาตุในรอยผุชั้นเนื้อฟันของฟันน้ำนมใกล้เคียงกัน
dc.description.abstractalternative The aim of this study was to compare the remineralization efficacy of two commercial silver diamine fluoride (SDF) products on dentine caries lesions in primary teeth, in vitro. Thirty-six blocks of primary molar with natural dentine caries lesions were measured to determine a mineral density (MD) at baseline using micro-computed tomography (micro-CT) and calculated for a lesion depth (LD) and a mean mineral density (meanMD). All samples were randomized into three groups: Group 1, Saforide® (Toyo Seiyaku Kesei, Japan); Group 2, Advantage ArrestTM (Elevate Oral Care, USA) and Group 3, Deionized water (control). After the samples underwent 5-days bacterial pH-cycling challenge, the MD of dentine caries lesions were re-evaluated. The LD, meanMD and the percentage of mineral density change (%MD-change) of each block were also calculated. The results showed that the LD decrease of Saforide® and Advantage ArrestTM groups were significantly lower than their baseline (p= 0.033 and 0.021, respectively) and the meanMD increase were significantly higher than their baseline (p= 0.002 and 0.002, respectively). The %MD-change of the two test groups were comparable, but significantly different from that of the control (p< 0.001). In conclusion, Saforide® and Advantage ArrestTM demonstrated similar remineralization efficacy on dentine caries lesions in primary teeth.
dc.language.iso th
dc.publisher จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
dc.relation.uri http://doi.org/10.58837/CHULA.THE.2018.792
dc.rights จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
dc.subject.classification Dentistry
dc.title ประสิทธิภาพของซิลเวอร์ไดเอมีนฟลูออไรด์ในการคืนแร่ธาตุในรอยผุชั้นเนื้อฟัน: การวิจัยเชิงทดลองในห้องปฏิบัติการ
dc.title.alternative Efficacy Of Silver Diamine Fluoride In Remineralization On Dentine Caries Lesions: In Vitro
dc.type Thesis
dc.degree.name วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
dc.degree.level ปริญญาโท
dc.degree.discipline ทันตกรรมสำหรับเด็ก
dc.degree.grantor จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
dc.email.advisor Chutima.T@Chula.ac.th
dc.email.advisor Panida.T@Chula.ac.th
dc.email.advisor Tirayut.V@Chula.ac.th
dc.identifier.DOI 10.58837/CHULA.THE.2018.792


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record