Abstract:
หลังจากที่องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือได้เข้าโจมตีเซอร์เบียในปี ค.ศ.1999 ทำให้เซอร์เบียถอนกำลังออกจากโคโซโว และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้มีข้อมติที่ 1244 ซึ่งทำให้โคโซโซอยู่ภายใต้การดูแลของสหประชาชาติ ในเวลาต่อมาตัวแทนพิเศษจากสหประชาชาติได้จัดให้มีการเจรจาเกี่ยวกับสถานะสุดท้ายของโคโซโวระหว่างเซอร์เบียและโคโซโว แต่การเจรจาประสบความล้มเหลว จนในที่สุด โคโซโวจึงได้ประกาศเอกราชในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 และต่อมาในวันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ.2008 สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้มีการร้องขอความเห็นเชิงปรึกษาจากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเกี่ยวกับปัญหาความชอบด้วยกฎหมายของคำประกาศเอกราชฝ่ายเดียวของโคโซโว จากการศึกษาพบว่า ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้มีความเห็นเชิงปรึกษาในกรณีโคโซโวเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ค.ศ. 2010 โดยศาลให้ความเห็นว่า ไม่มีข้อห้ามเกี่ยวกับการประกาศเอกราชฝ่ายเดียวในกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้น การประกาศเอกราชฝ่ายเดียวของโคโซโวจึงไม่ขัดกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งแม้ว่าความเห็นเชิงปรึกษาจะไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย แต่หากพิจารณาถึงเหตุผลทางกฎหมายจากความเห็นเชิงปรึกษานำมาเชื่อมโยงกับกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ หลักความเป็นรัฐ การรับรองรัฐ และสิทธิในการกำหนดใจตนเอง ประกอบกับข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคงและสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ จะทำให้เกิดกระจ่างเกี่ยวกับการประกาศเอกราชฝ่ายเดียวในกฎหมายระหว่างประเทศยิ่งขึ้น อีกทั้ง จะเห็นได้ว่าปัจจุบันมีแนวโน้มในการยอมรับว่าหากรัฐละเมิดต่อสิทธิในการกำหนดใจตนเอง (right to self-determination) ของประชาชนในรัฐ โดยรัฐบาลไม่ได้มาจากตัวแทนของประชาชน และมีการปกครองอย่างทารุณโหดร้ายและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงและใหญ่หลวง ซึ่งอาจนำมาสู่การประกาศเอกราชฝ่ายเดียวที่ชอบด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ