Abstract:
การสร้างสรรค์บทเพลงชุดวิวัฒน์เพลงโคราชใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บข้อมูลเอกสารทาง วิชาการและลงภาคสนามในจังหวัดนครราชสีมา เพื่อศึกษาเรื่องมูลบทที่เกี่ยวของกับเพลงโคราช และสร้าง องค์ความรู้เรื่องระเบียบวิธีการร้องเพลงโคราช สำหรับการสร้างสรรค์ผลงานทางดุริยางคศิลป์ไทย ชื่อเพลงชุด วิวัฒน์เพลงโคราช โดยสะท้อนภาพองค์ความรู้และวิวัฒนาการเพลงโคราช ขั้นแรกของการประพันธ์คือ การกำหนดโครงสร้างลูกตกจากทำนองต้นรากผสมผสานแนวคิดของ แต่ละเพลง ขั้นที่สองคือ การตกแต่งทำนองด้วยวิธีการเปลี่ยนกลุ่มเสียง สำนวนล้อ ขัด เหลื่อม สำเนียงไทย ลาว เขมร ฝรั่ง สังคีตลักษณ์แบบทางเปลี่ยน แบบซ้ำหัวเปลี่ยนท้าย สำนวนบังคับทางและกึ่งบังคับทาง ทางกรอและ ทางเก็บ โดยบูรณาการกับแนวคิดจากผลการวิจัย ได้แก่ คำคู่ การซ้าคำ ซ้ำวรรค ร้อยเนื้อทำนองเดียว สัมผัสโคลง กลอน ความเรียบง่ายแบบพื้นบ้าน จังหวะสามช่า ความสง่างาม ความนอบน้อม สำเนียงเพลงโคราชสูง ๆ ต่ำ ๆ จังหวะอิสระและตายตัว ความแปลกใหม่ ทันสมัย สนุกสนาน ความเป็นไทยโคราชและดนตรีลูกทุ่ง รูปแบบการบรรเลงประกอบด้วย 2 ช่วงคือ ช่วงเกริ่นนำ ได้แก่ เพลงเชิญชวน สะท้อนภาพการละเล่น พื้นบ้าน เพลงศรัทธาครู สะท้อนภาพเนื้อหาการบูชาครู เพลงรู้ถามตอบ สะท้อนภาพทำนองโอ่ และช่วงเนื้อหา วิวัฒน์ ได้แก่ เพลงคารมกลอน สะท้อนภาพกลอนเพลงก้อม เพลงทำนองฉันท์ สะท้อนภาพฉันทลักษณ์กลอน เพลงโคราช เพลงกราบย่าโม สะท้อนภาพความเชื่อผ่านกลอนเพลงแก้บน เพลงแปรสังคม สะท้อนภาพกลอน โคราชผสมผสานดนตรีลูกทุ่งตามบริบททางสังคม เพลงชนนิยม สะท้อนภาพกลอนทั่วไปผสมผสานดนตรีลูกทุ่ง เพื่อส่งเสริมค่านิยมการฟัง และเพลง นวัตสมัย สะท้อนภาพเพลงลูกทุ่งสำเนียงโคราชในยุคแห่งนวัตกรรม ทั้งนี้ ช่วงเนื้อหาวิวัฒน์ใช้ทำนองเชื่อมดั้งเดิมและทำนองเชื่อมประยุกต์เป็นทำนองเชื่อมระหว่างเพลง สำหรับหน้าทับ กำหนดใช้หน้าทับลาว หน้าทับโทนโคราชดั้งเดิมแบบสั้นและแบบยาว หน้าทับที่สร้างสรรค์ใหม่ 7 หน้าทับ ได้แก่ หน้าทับวิวัฒน์เพลงโคราช หน้าทับคารมกลอน หน้าทับทำนองฉันท์ หน้าทับกราบย่าโม หน้าทับแปรสังคม หน้าทับชนนิยม และหน้าทับนวัตสมัย โดยจังหวะฉิ่ง กำหนดใช้อัตราจังหวะสองชั้นและชั้นเดียว ยกเว้นเพลง กราบย่าโมกำหนดใช้จังหวะลอย หน้าทับและจังหวะฉิ่งนำมาใช้เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ด้านอรรถรสและ การสื่อความของทำนองเพลง