dc.contributor.advisor |
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. พัฒนาพร โกวพัฒนกิจ |
|
dc.contributor.author |
กัญญารัตน์ นวรัตนไพบูลย์ |
|
dc.contributor.other |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิติศาสตร์ |
|
dc.date.accessioned |
2019-11-21T08:06:56Z |
|
dc.date.available |
2019-11-21T08:06:56Z |
|
dc.date.issued |
2561 |
|
dc.identifier.uri |
http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/63978 |
|
dc.description |
เอกัตศึกษา (ศศ.ม.)—จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2561 |
en_US |
dc.description.abstract |
ธุรกิจประกันชีวิตเริ่มมีบทบาทในธุรกิจของประเทศไทยมากขึ้น จนทำให้สัดส่วนฐานธุรกิจรับประกันชีวิตในประเทศไทยเพิ่มขึ้นทุกปี ดังนั้นธุรกิจรับประกันชีวิตจึงเริ่มมีการจัดตั้งนิติบุคคลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การจัดเก็บภาษีจึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญกันมากขึ้น โดยธุรกิจรับประกันชีวิตนั้น เป็นกิจการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ จากฐานของดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และค่าบริการ
เนื่องจากธุรกิจรับประกันชีวิตมีการปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย จนทำให้ภายในกิจการเองนั้นจะมีการประกอบกิจการที่นอกเหนือจากการขายประกันชีวิต ดังนั้น รายรับจากการประกอบกิจการของธุรกิจรับประกันชีวิตอาจมีทั้งที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะหรืออยู่ในบังคับต้อง เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
การที่ธุรกิจรับประกันภัยประกอบกิจการทั้งที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะและภาษีมูลค่าเพิ่ม ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการการหาฐานของธุรกิจรับประกันชีวิตว่าควรต้องอยู่ในบังคับต้อง เสียภาษีมูลค่าเพิ่มบนฐานรายรับใดบ้าง และการแยกแยะประเภทของกิจการว่าเป็นกิจการที่เกี่ยวเนื่องโดยตรง โดยมีพระราชกฤษฎีกา ฯ กำหนดไว้หรือไม่เกี่ยวเนื่องโดยตรงแก่กิจการอันต้องอยู่ในบังคับเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม นอกจากนี้ การที่บทบัญญัติในประมวลรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่มยังไม่มีความชัดเจน จนทำให้ผู้ประกอบการที่ดำเนินกิจการอย่างสุจริต อาจต้องประสบกับรายจ่ายอันได้แก่ เบี้ยปรับหรือเงินเพิ่มอย่างไม่เป็นธรรม อีกทั้งยังเป็นการเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่สรรพากรใช้ดุลพินิจในการพิจารณา ซึ่งอาจมีความไม่แน่นอนบนการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด
เอกัตศึกษาฉบับนี้จึงได้ทำการศึกษาปัญหาดังกล่าวข้างต้น โดยเสนอแนะแนวทาง การพิจารณา สำหรับการจัดแยกประเภทกิจการที่อยู่ในบังคับภาษีธุรกิจเฉพาะและภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งการเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีของธุรกิจรับประกันชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำหนดฐานของภาษีมูลค่าเพิ่มให้มีความชัดเจนและเป็นธรรมมากขึ้น ทั้งนี้ผู้ศึกษาได้มีการนำธุรกิจที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ที่มีการกำหนดบทบัญญัติเกี่ยวกับกิจการที่ต้องอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม แม้กิจการจะอยู่ในบังคับเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ เพื่อเป็นแนวทางใน การเพิ่มบทบัญญัติของกฎหมายให้มีความสอดคล้องกัน และเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการ รวมทั้งเจ้าหน้าที่สรรพากรในการปฏิบัติงานได้อย่างสะดวกและเป็นไปในทิศทางเดียวกันด้วย |
en_US |
dc.language.iso |
th |
en_US |
dc.publisher |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.relation.uri |
http://doi.org/10.58837/CHULA.IS.2018.26 |
|
dc.rights |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.subject |
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ -- ประกันชีวิต |
en_US |
dc.subject |
ภาษีธุรกิจเฉพาะ |
en_US |
dc.subject |
ธุรกิจประกันชีวิต--ภาษี |
en_US |
dc.title |
ปัญหาในการหาฐานภาษีมูลค่าเพิ่มในกิจการเฉพาะ: กรณีศึกษารายได้ค่าบำเหน็จและค่าจ้างในธุรกิจรับประกันชีวิต |
en_US |
dc.type |
Independent Study |
en_US |
dc.degree.name |
ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต |
en_US |
dc.degree.level |
ปริญญาโท |
en_US |
dc.degree.discipline |
กฎหมายเศรษฐกิจ |
en_US |
dc.degree.grantor |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.email.author |
patanaporn.k@chula.ac.th |
|
dc.subject.keyword |
ค่าบำเหน็จ |
en_US |
dc.subject.keyword |
ประกันชีวิต |
en_US |
dc.subject.keyword |
ภาษีมูลค่าเพิ่ม |
en_US |
dc.subject.keyword |
การจัดเก็บภาษี |
en_US |
dc.subject.keyword |
การบริหารภาษี |
en_US |
dc.identifier.DOI |
10.58837/CHULA.IS.2018.26 |
|