dc.contributor.advisor |
วุฒิพงษ์ ศิริจันทรานนท์ |
|
dc.contributor.author |
ธมนวรรณ ขีปนวัฒนา |
|
dc.contributor.other |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิติศาสตร์ |
|
dc.date.accessioned |
2019-11-29T03:51:53Z |
|
dc.date.available |
2019-11-29T03:51:53Z |
|
dc.date.issued |
2561 |
|
dc.identifier.uri |
http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/64027 |
|
dc.description |
เอกัตศึกษา (ศศ.ม.)—จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2561 |
en_US |
dc.description.abstract |
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นภาคธุรกิจที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยฉะนั้นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข สำหรับการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มของนักท่องเที่ยวที่ซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการในประเทศ จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการขยายฐานรายได้ในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศไทย การคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับนักท่องเที่ยว (VAT Refund For Tourist : VRT) จึงถือเป็นกลไกสำคัญที่นานาประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยนำมาใช้เป็นเครื่องมือสำหรับส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น
การคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่นักท่องเที่ยวมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นการเฉพาะในมาตรา 84/4 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งได้ให้อำนาจอธิบดีกรมสรรพากร กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีสิทธิขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ในประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 91) เรื่องการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรที่ซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการจดทะเบียนเพื่อนำออกไปนอกราชอาณาจักรของคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้วได้ ลงวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2542 และกำหนดลักษณะของผู้ประกอบการร้านค้าและสินค้าที่นักท่องเที่ยวสามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ไว้ในประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 90) เรื่องการกำหนดคุณลักษณะและหลักเกณฑ์ของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ขายสินค้าให้ผู้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร ลงวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2542 อีกทั้งยังได้กำหนดมาตรการชั่วคราวให้นักท่องเที่ยวสามารถนำเงินภาษีที่ได้รับคืนดังกล่าวมาใช้สอยในประเทศได้อีกทอดหนึ่ง ภายใต้หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรที่ซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการจดทะเบียน เพื่อนำออกไปนอกราชอาณาจักร มีสิทธิตั้งตัวแทนเพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้วได้ตามมาตรา 84/4 แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2561 ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 225) เรื่องกำหนดเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ให้ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรที่ซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการจดทะเบียน เพื่อนำออกไปนอกราชอาณาจักร มีสิทธิตั้งตัวแทนเพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้วได้ ตามมาตรา 84/4 แห่งประมวลรัษฎากรลงวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 226) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ให้ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรที่ซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการจดทะเบียน เพื่อนำออกไปนอกราชอาณาจักร มีสิทธิตั้งตัวแทนเพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้วได้ตามมาตรา 84/4 แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2562 อย่างไรก็ดีหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ตามกฎหมายภาษีอากรดังกล่าว ก่อให้เกิดปัญหากับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เนื่องจากกฎหมายดังกล่าว มีขั้นตอนและวิธีการในการปฏิบัติที่ยุ่งยากซับซ้อน ทำให้มีผู้ประกอบการร้านค้าที่ได้รับอนุมัติเป็นจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการทั้งหมดในประเทศ อีกทั้งขั้นตอนในการดำเนินการเพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากกรมสรรพากร มีความยุ่งยากซับซ้อน ทำให้การใช้มาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในรูปแบบการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากการซื้อสินค้าในประเทศไม่ได้รับความสนใจจากทั้งนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการไทยมากเท่าที่ควร
ดังนั้น การพัฒนากฎหมายการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร จึงเป็นเรื่องสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากประเทศในภูมิภาคอาเซียนอันได้แก่ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีการใช้การคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรเป็นกลไกในระบบเศรษฐกิจเช่นดียวกันกับประเทศไทย โดยมีการกำหนดนโยบาย หลักเกณฑ์ การคืนภาษีมูลค่าเพิ่มในรูปแบบของ Electronic Tourist Refund Scheme (“eTRS”) ซึ่งเป็นวิธีการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ดำเนินขึ้นตอนต่าง ๆ ผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดได้ ทำให้เกิดความสะดวกรวดเร็วต่อนักท่องเที่ยว ทั้งยังสามารถควบคุมบุคคล สินค้า และจำนวนเงินที่รัฐต้องนำมาสำรองไว้ในการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยวได้อย่างเป็นระบบ และปิดช่องโหว่มิให้กลุ่มมิจฉาชีพขอคืนเงินภาษีจากรัฐโดยไม่ถูกต้องได้อย่างเป็นอย่างดี ฉะนั้น หากประเทศไทยนำรูปแบบวิธีการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับผู้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรของประเทศสิงคโปร์ มาปรับใช้เพื่อปรับปรุงและกำหนดมาตรการเพื่อพัฒนากฎหมายสำหรับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับนักท่องเที่ยวที่มีอยู่ในปัจจุบัน ย่อมเป็นการก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งภาครัฐและเอกชน และกระตุ้นการท่องเที่ยวของประเทศได้อีกทางหนึ่งด้วย |
en_US |
dc.language.iso |
th |
en_US |
dc.publisher |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.relation.uri |
http://doi.org/10.58837/CHULA.IS.2018.1 |
|
dc.rights |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.subject |
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว |
en_US |
dc.subject |
การขอคืนภาษีอากร |
en_US |
dc.subject |
การท่องเที่ยว--ภาษี |
en_US |
dc.title |
ประเด็นการส่งเสริมประสิทธิภาพการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับนักท่องเที่ยว: กรณีศึกษาการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านตัวแทน |
en_US |
dc.type |
Independent Study |
en_US |
dc.degree.name |
ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต |
en_US |
dc.degree.level |
ปริญญาโท |
en_US |
dc.degree.discipline |
กฎหมายเศรษฐกิจ |
en_US |
dc.degree.grantor |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.email.advisor |
ไม่มีข้อมูล |
|
dc.subject.keyword |
การท่องเที่ยว |
en_US |
dc.subject.keyword |
ภาษีมูลค่าเพิ่ม |
en_US |
dc.subject.keyword |
ลดหย่อนภาษี |
en_US |
dc.subject.keyword |
ขอคืนภาษี |
en_US |
dc.subject.keyword |
นักท่องเที่ยว |
en_US |
dc.identifier.DOI |
10.58837/CHULA.IS.2018.1 |
|