dc.contributor.advisor |
ทัชชมัย ทองอุไร |
|
dc.contributor.author |
วรัญธรณ์ สมลือชาชัย |
|
dc.contributor.other |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิติศาสตร์ |
|
dc.date.accessioned |
2019-12-16T07:14:37Z |
|
dc.date.available |
2019-12-16T07:14:37Z |
|
dc.date.issued |
2561 |
|
dc.identifier.uri |
http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/64070 |
|
dc.description |
เอกัตศึกษา (ศศ.ม.)—จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2561 |
en_US |
dc.description.abstract |
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรในประเทศไทยปัจจุบันกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หรือ Aging Society อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว โดยคาดการณ์ว่าในปี 2564 ประเทศไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ หรือมีจำนวนประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด และคาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 30 ภายในปี 2574 หรือกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอดตามเกณฑ์ขององค์การสหประชาชาติ ธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร เป็นส่วนหนึ่งในมาตรการรองรับผู้สูงอายุของประเทศไทย ซึ่งโครงการที่รัฐบาลสนับสนุนยังไม่ครอบคลุมธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจรที่เอกชนเป็นเจ้าของโครงการที่ดำเนินโครงการมาก่อนแล้วในระยะหนึ่ง อีกทั้งนโยบายทางภาษีที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอ ไม่ครอบคลุมธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุอีกด้วย
เอกัตศึกษาเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อศึกษาแนวความคิด ความเป็นมาของธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจรในประเทศไทย ตลอดจนศึกษาแนวความคิด ความเป็นมาของธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจรในประเทศออสเตรเลีย รวมถึงมาตรการทางภาษีเกี่ยวกับธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจรในประเทศออสเตรเลีย เพื่อนำมาปรับใช้ในประเทศไทย จากการศึกษาพบว่า การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับอาหารและสิ่งจำเป็นในการให้บริการขั้นพื้นฐานในธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจรตามประมวลรัษฎากรมีความไม่เหมาะสมบางประการ ทำให้ค่าบริการของธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจรมีราคาสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อผู้สูงอายุที่ใช้บริการในธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร ทำให้ต้องชำระค่าบริการในราคาที่สูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงบริการในธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจรของผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงบริการดังกล่าวได้
จากความไม่เหมาะสมในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับอาหารและสิ่งจำเป็นในการให้บริการขั้นพื้นฐานในธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร ผู้เขียนได้เสนอแนวทางการแก้ไข โดยให้จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับอาหารและสิ่งจำเป็นในการให้บริการขั้นพื้นฐานในธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจรในอัตราร้อยละ 0 ซึ่งจะทำให้อาหารและสิ่งจำเป็นในการให้บริการขั้นพื้นฐานในธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจรปลอดภาระภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างแท้จริง เช่นเดียวกันกับประเทศออสเตรเลีย เมื่อต้นทุนค่าบริการลดลง เนื่องจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับอาหารและสิ่งจำเป็นในการให้บริการขั้นพื้นฐานที่ใช้ในธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจรในอัตราร้อยละ 0 แต่ค่าบริการอาจจะไม่ลดลง รัฐจึงควรมีมาตรการควบคุมราคา เกี่ยวกับราคาค่าบริการในธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร เพื่อให้ผู้ที่มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงบริการของธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจรได้ง่ายขึ้น และเมื่อมีผู้ต้องการใช้บริการมากขึ้น จะดึงดูดให้มีผู้ประกอบการสนใจทำธุรกิจประเภทนี้มากขึ้นไปด้วย |
en_US |
dc.language.iso |
th |
en_US |
dc.publisher |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.relation.uri |
http://doi.org/10.58837/CHULA.IS.2018.32 |
|
dc.rights |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.subject |
ผู้สูงอายุ--ที่อยู่อาศัย |
en_US |
dc.subject |
การสูงวัยของประชากร |
en_US |
dc.subject |
ภาษีมูลค่าเพิ่ม |
en_US |
dc.title |
มาตรการทางภาษีเพื่อส่งเสริมธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร |
en_US |
dc.type |
Independent Study |
en_US |
dc.degree.name |
ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต |
en_US |
dc.degree.level |
ปริญญาโท |
en_US |
dc.degree.discipline |
กฎหมายเศรษฐกิจ |
en_US |
dc.degree.grantor |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.email.advisor |
Tashmai.R@chula.ac.th |
|
dc.subject.keyword |
สังคมผู้สูงอายุ |
en_US |
dc.subject.keyword |
ภาษีมูลค่าเพิ่ม |
en_US |
dc.subject.keyword |
ธุรกิจบ้านพักคนชรา |
en_US |
dc.subject.keyword |
นโยบายทางภาษี |
en_US |
dc.subject.keyword |
จำนวนประชากร |
en_US |
dc.identifier.DOI |
10.58837/CHULA.IS.2018.32 |
|