dc.contributor.advisor |
ศุภลักษณ์ พินิจภูวดล |
|
dc.contributor.author |
วิศรุต กิจสุขจิต |
|
dc.contributor.other |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิติศาสตร์ |
|
dc.date.accessioned |
2019-12-16T08:19:41Z |
|
dc.date.available |
2019-12-16T08:19:41Z |
|
dc.date.issued |
2561 |
|
dc.identifier.uri |
http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/64073 |
|
dc.description |
เอกัตศึกษา (ศศ.ม.)—จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2561 |
en_US |
dc.description.abstract |
ประเทศไทยมีกฎหมายเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีทรัพย์สินหลายฉบับ ซึ่งปัจจุบันมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยวิธีการประเมินมูลค่าที่แตกต่างจากวิธีการเดิมคือการใช้มูลค่าประเมินโดยกรมธนารักษ์ และมีวิธีการบรรเทาภาระภาษีในส่วนของการลดอัตราภาษีและการยกเว้นภาษีเพื่อบรรเทาภาระสำหรับที่อยู่อาศัยและเกษตรกรรม อย่างไรก็ตามหลักเกณฑ์ ในการจัดเก็บภาษีทรัพย์สินตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้นยังมีความไม่เหมาะสมในหลายประการ
เอกัตศึกษาเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อศึกษาปัญหาจากการจัดเก็บภาษีทรัพย์สินตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ตลอดจนเพื่อศึกษากฎหมายของประเทศฟิลิปปินส์และประเทศสหรัฐอเมริกา (มลรัฐนิวยอร์ค) ที่มีการจัดเก็บภาษีทรัพย์สินในประเทศ และมาตรฐานบัญชีที่เกี่ยวข้องเพื่อนำแนวทางและแนวคิดต่างๆมาปรับใช้ เพื่อเป็นการพัฒนาแนวทางการจัดเก็บภาษีทรัพย์สินของประเทศไทย โดยงานศึกษาเล่มนี้จัดทำขึ้นโดยอาศัยการวิจัยเชิงเอกสาร (Documentary Research) ซึ่งเป็นทั้งเอกสารข้อมูลในประเทศและต่างประเทศเป็นสำคัญ
จากการศึกษาผู้เขียนพบว่า การจัดเก็บภาษีทรัพย์สินตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่นั้น ขาดเความเหมาะสมในด้านการใช้วิธีการคิดค่าเสื่อมราคาในการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน รวมทั้งการขาดความชัดเจนของการบรรเทาภาระภาษี ตลอดจนขาดการคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงมูลค่าทรัพย์สินจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ย่อมส่งผลกระทบต่อภาระภาษีที่ผุ้มีหน้าที่เสียภาษีต้องแบกรับ ไม่ว่าจะเป็นประชาชนทั่วไปซึ่งเป็นผู้ถือครองทรัพย์สิน รวมไปถึงภาคธุรกิจอุตสาหกรรมที่ต้องถือครองทรัพย์สินเพื่อดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม จากประเด็นปัญหาดังกล่าวข้างต้น วิธีการจัดเก็บภาษีทรัพย์สินตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างควรนำหลักเกณฑ์ การคำนวณค่าเสื่อมราคาตามมาตรฐานการบัญชีมาปรับใช้กับวิธีการประเมินมูลค่าของกรมธนารักษ์ และปรับปรุงวิธีการจัดเก็บภาษีบางส่วนไม่ว่าจะเป็นการบรรเทาภาระภาษีและการปรับปรุงมูลค่าด้วยระดับการประเมิน โดยนำหลักวิธีการจัดเก็บภาษีทรัพย์สินของทั้งประเทศฟิลิปปินส์และประเทศสหรัฐอเมริกา (มลรัฐนิวยอร์ค) มาปรับใช้ อีกทั้งควรศึกษามุมมองภาษีทรัพย์สินอื่นๆ เช่น การลดหย่อนเพื่อการพัฒนาประเทศ หรือการลดหย่อนเฉพาะบุคคล ซึ่งอาจนำมาปรับใช้และเป็นการพัฒนาการจัดเก็บภาษีในประเทศไทยต่อไป |
en_US |
dc.language.iso |
th |
en_US |
dc.publisher |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.relation.uri |
http://doi.org/10.58837/CHULA.IS.2018.37 |
|
dc.rights |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.subject |
ภาษีที่ดิน |
en_US |
dc.subject |
ภาษีทรัพย์สิน |
en_US |
dc.subject |
การจัดเก็บภาษี |
en_US |
dc.title |
ปัญหาการรับภาระภาษีจากการประเมินมูลค่าทรัพย์สินตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง |
en_US |
dc.type |
Independent Study |
en_US |
dc.degree.name |
ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต |
en_US |
dc.degree.level |
ปริญญาโท |
en_US |
dc.degree.discipline |
กฎหมายเศรษฐกิจ |
en_US |
dc.degree.grantor |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.email.advisor |
supalakpp@hotmail.com |
|
dc.subject.keyword |
ภาษีที่ดิน |
en_US |
dc.subject.keyword |
การยกเว้นภาษี |
en_US |
dc.subject.keyword |
การจัดเก็บภาษีทรัพย์สิน |
en_US |
dc.subject.keyword |
การลดหย่อนภาษี |
en_US |
dc.subject.keyword |
สิ่งปลูกสร้าง |
en_US |
dc.identifier.DOI |
10.58837/CHULA.IS.2018.37 |
|