Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง การเปิดรับข่าวสาร ความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมของวัยรุ่นที่มีต่อการรณรงค์การใช้ถุงยางมัยเพื่อป้องกันโรคเอดส์ในเขตกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษามีจำนวนทั้งสิ้น 415 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่ แบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลใช้การแจกแจงความถี่ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียรสัน และสถิติวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณประมวลผลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปรPSS ผลการวิจัยพบว่า 1. วัยรุ่นที่มีเพศ อายุ ระดับการศึกษาอาชีพ และรายได้แตกต่างกัน จะมีการเปิดรับข่าวสารเกี่ยวกับการรณรงค์การใช้ถุงยางอนามัยในการป้องกันโรคเอดส์ไม่แตกต่างกัน 2. วัยรุ่นที่มีเพศและอายุแตกต่างกันมีความรู้เกี่ยวกับการใช้ถุงยางอนามัยในการป้องกันโรคเอดส์แตกต่างกัน ส่วนวัยรุ่นที่มีระดับการศึกษา อาชีพและรายได้แตกต่างกันมีความรู้เกี่ยวกับการใช้ถุงยางอนามัยในการป้องกัน โรคเอดส์ไม่แตกต่างแตกต่างกัน 3. วัยรุ่นที่มีเพศ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้แตกต่างกัน มีทัศนคติเกี่ยวกับการใช้ถุงยางอนามัยในการป้องกันโรคเอดส์ไม่แตกต่างกัน ส่วนวัยรุ่นที่มีอายุแตกต่างกัน มีทัศนคติเกี่ยวกับการใช้ถุงยางอนามัยในการป้องกันโรคเอดส์'แตกต่างกัน 4. วัยรุ่นที่มีเพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ต่อเดือนแตกต่างกัน มีพฤติกรรมการใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคเอดส์ไม่แตกต่างกัน 5. การเปิดรับข่าวสารเกี่ยวกับการรณรงค์การใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคเอดส์ของวัยรุ่น จากสื่อมวลชนและสื่อบุคคล ไม่มีความสัมพันธ์กับความรู้เกี่ยวกับการใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคเอดส์ส่วนการเปิดรับข่าวสารเกี่ยวกับการรณรงค์การใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคเอดส์ของวัยรุ่น จากสื่อเฉพาะกิจมีความสัมพันธ์เซิงบวก กับความรู้เกี่ยวกับการใช้ถุงยางอนามัยของวัยรุ่น 6. การเปิดรับข่าวสารเกี่ยวกับการรณรงค์การใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคเอดส์ของวัยรุ่น จากสื่อมวลชน สื่อบุคคล และสื่อเฉพาะกิจ ไม่มีความสัมพันธ์กับทัศนคติเกี่ยวกับการใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคเอดส์ของวัยรุ่นในเขตกรุงเทพมหานคร 7. การเปิดรับข่าวสารเกี่ยวกับการรณรงค์การใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคเอดส์ของวัยรุ่น จากสื่อมวลชน สื่อบุคล และสื่อเฉพาะกิจ ไม่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรค เอดส์ของวัยรุ่นในเขตกรุงเทพมหานคร