dc.contributor.advisor |
John Thomas Connelly |
|
dc.contributor.author |
Jaehyeok Kim |
|
dc.contributor.other |
Chulalongkorn University. Faculty of Commerce and Accountancy |
|
dc.date.accessioned |
2020-04-05T07:10:29Z |
|
dc.date.available |
2020-04-05T07:10:29Z |
|
dc.date.issued |
2019 |
|
dc.identifier.uri |
http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/64779 |
|
dc.description |
Thesis (M.S.)--Chulalongkorn University, 2019 |
|
dc.description.abstract |
This study examines the difference in the use of earnings management at family-controlled firms belonging to Korean large business groups (chaebol) versus non-chaebol firms belonging to Korean large business groups from 2002 to 2016. Firms belonging to large business groups are subject to similar regulations by authorities. This study also tests whether a divergence between voting rights and cash flow rights affects earnings management by controlling shareholders. This study examines both accrual-based earnings management (AEM) and real-activities earnings management (REM), using two measures of accrual-based earnings management and three measures of real-activities earnings management. This study finds that chaebol firms have better earnings quality compared to non-chaebol when an earnings quality measure is used as an AEM proxy. However, there is no significant difference between chaebol and non-chaebol firms when a second AEM proxy, measuring discretionary accruals, is employed. These mixed results indicate that there is no difference between family-controlled firms (chaebol) and non-family firms (non-chaebol) in the use of accrual-based earnings management. Second, this paper provides evidence that there is no significant difference between chaebol firms and non-chaebol firms with respect to all three measures of real-activities earnings management. This study finds stronger evidence of overproduction as a means of real-activities earnings management at a subsample of firms in manufacturing industries, compared with the full sample containing firms in both manufacturing and non-manufacturing industries. This study shows that a control-ownership disparity by controlling insiders of large business groups does not have an impact on accrual-based earnings management or real-activities earnings management. This is because a variety of regulations imposed on large business group make the use of earnings management costly regardless of the presence of a control-ownership wedge. In additional analyses, this paper finds that chaebol firms with greater control-ownership disparity are associated with poor earnings quality. Lastly, this study finds that chaebol firms engage less in overproduction as a means of real-activities earnings management, as the families which control the chaebol have a greater disparity between control rights and ownership rights. |
|
dc.description.abstractalternative |
วิทยานิพนธ์เล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างวิธีการจัดการรายได้ของ บริษัทที่ควบคุมโดยครอบครัวที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ของเกาหลี (หรือ แชบอล) กับ บริษัทที่ไม่ได้บริหารและควบคุมโดยครอบครัวของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ของเกาหลี ในระหว่างปี 2002-2016 นอกจากนั้นวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ ยังศึกษา ทดสอบ เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างสิทธิในการออกเสียงของผู้ถือหุ้น และกระแสเงินสดนั้น มีผลต่อการจัดการกำไรหรือไม่
โดยการศึกษานี้จะตรวจสอบทั้งการตกแต่งกำไรผ่านรายการคงค้าง (AEM) และการตกแต่งกำไรผ่านการสร้างรายการทางธุรกิจ (REM) โดยใช้เครื่องมี ๒ ประเภทในการชี้วัดคือ การจัดการกำไรผ่านรายการคงค้าง และการจัดการกำไรสามประการจริง
การศึกษานี้พบว่า บริษัทประเภทแชบอล มีกำไรมากกว่าเมื่อเทียบกับ บริษัทที่ไม่ได้บริหารและควบคุมโดยครอบครัวของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ หากแต่เมื่อใช้การวัดคุณภาพรายได้เป็นพร็อกซี AEMเป้นเครื่องวัดแล้ว พบว่าไม่มีข้อแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่าง บริษัทประเภทแชบอล และ บริษัทที่ไม่ได้บริหารและควบคุมโดยแชบอล และเมื่อมีการใช้พร็อกซี AEM ตัวที่สองซึ่งเป็นการวัดค่าคงค้างตามดุลยพินิจ ผลการทดลองบ่งชี้ว่าไม่มีพบแตกต่างระหว่าง บริษัทประเภทแชบอล และ บริษัทที่ไม่ได้บริหารและควบคุมโดยแชบอลเช่นกัน ในการใช้การจัดการรายรับแบบคงค้าง
ประการที่สองบทความนี้แสดงให้เห็นว่าไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่าง บริษัทประเภทแชบอล และ บริษัทที่ไม่ได้บริหารและควบคุมโดยแชบอลเกี่ยวกับมาตรการทั้งสามประการของการจัดการกำไรจากกิจกรรมจริง การศึกษาครั้งนี้พบหลักฐานที่เด่นชัดว่าการผลิตเกินกำลัง เป็นวิธีการจัดการกำไรของกิจกรรมจริงที่ตัวอย่างของ บริษัท ในอุตสาหกรรมการผลิตเมื่อเทียบกับตัวอย่างที่มี บริษัท ในอุตสาหกรรมการผลิตและไม่ใช่การผลิต
การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าการควบคุม และความไม่เท่าเทียมกันในการเป็นเจ้าของโดยการควบคุมบุคคลภายในของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ไม่มีผลกระทบต่อการจัดการรายได้ตามเกณฑ์คงค้างหรือการจัดการรายได้ตามกิจกรรมจริง เนื่องจากกฎระเบียบต่างๆที่บังคับใช้ในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ทำให้การใช้การจัดการรายได้มีค่าใช้จ่ายสูงโดยไม่คำนึงถึงการควบคุมความเป็นเจ้าของลิ่ม
โดยสรุปแล้วพบว่าบริษัทประเภทแชบอลที่บริหาร และควบคุมโดยครอบครัวนั้น มีความไม่เท่าเทียมกันในการเป็นเจ้าของ และการควบคุมอำนาจ ซึ่งส่งผลกับรายได้ที่ไม่ดี สุดท้ายการศึกษานี้พบว่า บริษัทประเภทแชบอลมีการมุ่งเน้นในการผลิตมากเกินไป ซึ่งผกผันกับวิธีการจัดการรายได้จริงนั้น เกิดจากจากกิจการที่ควบคุมโดยกลุ่มครอบครัวแชบอล มีความแตกต่างระหว่างสิทธิการควบคุมและสิทธิความเป็นเจ้าของนั่นเอง |
|
dc.language.iso |
en |
|
dc.publisher |
Chulalongkorn University |
|
dc.relation.uri |
http://doi.org/10.58837/CHULA.THE.2019.228 |
|
dc.rights |
Chulalongkorn University |
|
dc.subject.classification |
Economics |
|
dc.title |
The effect of control-ownership disparity on earnings management: evidence from Korean large business groups |
|
dc.title.alternative |
ผลกระทบของการแบ่งแยกความเป็นเจ้าของออกจากการมีอำ นาจควบคุมกิจการต่อการจัดการกำไร ข้อมูลจากกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ในประเทศเกาหลี |
|
dc.type |
Thesis |
|
dc.degree.name |
Master of Science |
|
dc.degree.level |
Master's Degree |
|
dc.degree.discipline |
Finance |
|
dc.degree.grantor |
Chulalongkorn University |
|
dc.email.advisor |
Thomas@Cbs.Chula.ac.th |
|
dc.identifier.DOI |
10.58837/CHULA.THE.2019.228 |
|