Abstract:
คำสั่งของฝ่ายปกครองที่เรียกให้เจ้าหน้าที่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นคำสั่งที่ออกโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐอาศัยอำนาจตามกฎหมาย ซึ่งมีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิของผู้รับคำสั่งทางปกครอง คำสั่งของฝ่ายปกครองที่เรียกให้เจ้าหน้าที่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งทางปกครองตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 และตามมาตรา 57 หากผู้รับคำสั่งไม่ปฏิบัติตามหน่วยงานของรัฐอาจใช้การบังคับทางปกครองโดยวิธีการยึด อายัดทรัพย์สินเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ได้ แต่ในทางปฏิบัติกลับประสบปัญหาหลายประการ เช่น กรณีเจ้าหน้าที่ร่วมกับบุคคลธรรมดากระทำละเมิด และกรณีสิทธิเรียกร้องขาดอายุความนั่น หน่วยงานของรัฐไม่สามารถออกคำสั่งเรียกให้บุคคลธรรมดาหรือเจ้าหน้าที่ชะระค่าสินไหมทดแทนได้ จะต้องฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรม หรือกรณีหน่วยงานของรัฐไม่สามารถใช้การบังคับทางปกครองได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม สภาพปัญหาหลักเนื่องมาจากการใช้การบังคับทางปกครองยังไม่มีประสิทธิภาพจึงทำให้เมื่อหน่วยงานของรัฐออกคำสั่งเรียกให้เจ้าหน้าที่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้ว เจ้าหน้าที่ไม่ชำระค่าสินไหมทดแทนภายในกำหนด หน่วยงานของรัฐจึงยังไม่สามารถใช้การบังคับทางปกครองได้ แนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับประสิทธิภาพการบังคับทางปกครอง ควรกำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการบังคับทางปกครองให้มีความชัดแจน และควรที่จะมีการกำหนดหน่วยงานกลางในการใช้การบังคับทางปกครองเพื่อให้มีลักษณะรวมศูนย์ ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะยาว แต่ในระยะสั้นอาจมีการกำหนดมาตรการบังคับทางปกครองเสริมมาตรการบังคับทางปกครองหลัก เช่น การกำหนดเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่ม อย่างไรก็ตาม ก็มีแนวคิดในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคำสั่งของฝ่ายปกครองที่เรียกให้เจ้าหน้าที่ชดใช้เงินโดยการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 โดยการตัดอำนาจของหน่วยงานของรัฐในการออกคำสั่งเรียกให้เจ้าหน้าที่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนซึ่งเป็นคำสั่งทางปกครอง และกำหนดให้หน่วยงานของรัฐมีอำนาจเพียงออกหนังสือเรียกให้เจ้าหน้าที่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน หากเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติตาม หน่วยงานของรัฐต้องฟ้องคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อเรียกค่าสินไหมทกแทน แต่การแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการดังกล่าวอาจกลับไปสู่ปัญหาเกี่ยวกับความล่าช้าในชั้นการพิจารณาของศาลยุติธรรมอีกครั้ง