Abstract:
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์ของระบบการเลือกตั้ง ได้แก่ การมีส่วนร่วมทางการเมือง การแจกแจงคะแนนเสียงและที่นั่งพรรคเด่น และ ความไม่เป็นสัดส่วนระหว่างคะแนนเสียงกับที่นั่ง และหาความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของการเกิดระดับพรรคเด่นพรรคเดียวที่เพิ่มสูงขึ้น ผลการวิจัยพบว่า ผลลัพธ์ของการเลือกตั้งได้แก่ การมีส่วนร่วมทางการเมือง การแจกแจงคะแนนเสียงและที่นั่งพรรคเด่นเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ความไม่เป็นสัดส่วนระหว่างคะแนนเสียงกับที่นั่งกลับลดตํ่าลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ระบบการเลือกตั้งโดยทั่วไป ได้แก่ โครงสร้างระบบการเลือกตั้งแบบผสมและบัตรลงคะแนนแบบแยกประเภท ในระบบเสียงข้างมากใช้เขตเลือกตั้งขนาดเล็กสุด มีผู้แทนราษฎรเขตละหนึ่งคน บัตรลงคะแนนแบบแยกประเภท ในระบบสัดส่วนซึ่งอยู่ภายใต้โครงสร้างระบบการเลือกตั้งแบบผสม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีจำนวนจำกัด มีกำหนดเกณฑ์คะแนนเสียงขั้นตํ่า และบัตรลงคะแนนแบบแยกประเภทให้ผู้ออกเสียงเลือกบัญชีรายชื่อพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวประกอบกับระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้คะแนนเสียงและที่นั่ง กระจุกตัวที่พรรคอันดับหนึ่งเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ระดับที่นั่งพรรคเด่นที่เพิ่มสูงขึ้น มิได้เกิดจากกระบวนการนับคะแนน แต่เกิดจากการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการตัดสินใจเลือกภายใต้กรอบจำกัดของระบบการเลือกตั้ง เป็นไปตามทฤษฎีสถาบันใหม่ และจากการทดสอบตัวแบบทั้งตัวแบบทั่วไป ตัวแบบเสียงข้างมากและตัวแบบสัดส่วนมีความตรง หมายความว่าทฤษฎีสถาบันใหม่เหมาะสมสอดคล้องกับการทำนายความสัมพันธ์ อิทธิพลของระบบเลือกตั้ง ต่อการปรับเปลี่ยนระบบพรรคการเมืองของประเทศเดียวกันด่างห้วงระยะเวลา ความเที่ยงอำนาจการทำนายของตัวแปรรายดู่ทุกคู่มีนัยสำคัญ มีอำนาจการทำนายได้มากกว่าร้อยละ 60