Abstract:
ด้วยกฎหมายว่าด้วยทุนรัฐวิสาหกิจเป็นกฎหมายที่มีขึ้นเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการปรับเปลี่ยนรูปแบบ และโครงสร้างทางกฎหมายของรัฐวิสาหกิจประเภทองค์การของรัฐที่มีกฎหมายจัดตั้งโดยเฉพาะให้มาเป็น รัฐวิสาหกิจในรูปแบบบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดในระบบกฎหมายเอกชน โดยรัฐวิสาหกิจในรูปแบบ บริษัทดังกล่าวยังคงเป็นกิจการของรัฐและอยู่ในคำนิยามแห่งคำว่า รัฐวิสาหกิจ ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการ งบประมาณอยู่เช่นเดิม ดังนั้นมาตรา 26 แห่งกฎหมายว่าด้วยทุนรัฐวิสาหกิจจึงได้บัญญัติรับรองให้อำนาจ สิทธิ และประโยชน์ที่รัฐวิสาหกิจเคยมีอยู่แต่เดิมตามกฎหมายจัดตั้งรัฐวิสาหกิจหรือตามกฎหมายอื่นยังคงมี ผลใช้บังคับต่อไปกับรัฐวิสาหกิจในรูปแบบบริษัทยังคงไว้ซึ่งเอกสิทธิ์ที่เป็นสิทธิพิเศษหรืออำนาจรัฐโดย เฉพาะของฝ่ายปกครองที่เอกชนไม่มีมาใช้ในการจัดทำบริการสาธารณะ แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยกระบวน การแห่งกฎหมายว่าด้วยทุนรัฐวิสาหกิจเป็นกฎหมายที่มีความมุ่งหมายหลักเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมที่ จะนำรัฐวิสาหกิจไปสู่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจต่อไปในอนาคต บทบัญญัติในมาตรา 22 วรรคหน้า ประกอบกับ มาตรา 26 วรรคสอง แห่งกฎหมาย่าด้วยทุนรัฐวิสาหกิจจึงได้กำหนดให้รัฐวิสาหกิจในรูปแบบบริษัทมีรูปแบบ และวิธีในการดำเนินงานในลักษณะเดียวกับเอกชน แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกสิทธิ์ต่าง ๆ เพียงเท่าที่จำเป็นแก่การ ดำเนินงานที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม โดยคำนึงถึงความเป็นธรรมในการแข่งขันทางธุรกิจ การควบคุมให้การใช้อำนาจทางกฎหมายเป็นไปโดยถูกต้องและการรักษาประโยชน์ของรัฐประกอบด้วย เท่านั้น ดังนั้นเพื่อให้การนำเอาการประปานครหลวงมาดำเนินกระบวนการ แปลงสภาพเป็นบริษัทตาม ที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยทุนรัฐวิสาหกิจเป็นไปอย่างดีและเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติจึงควรหา แนวทางที่เหมาะสมในการกำหนดถึงขอบเขตของการให้เอกสิทธิ์แก่การประปานครหลวงภายหลังที่ได้ ดำเนินกระบวนการแปลงทุนเป็นหุ้นตามกฎหมายว่าด้วยทุนรัฐวิสาหกิจต่อไป