Abstract:
การวิจัยครั้งมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการเล่นการพนันฟุตบอลของผู้เล่นในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อนำผลการศึกษาเป็นแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเล่นการพนันฟุตบอล ซึ่งข้อมูลในการวิจัยเก็บจากผู้เล่นการพนันฟุตบอลในเขตกรุงเทพมหานคร โดยใช้แบบสอบถาม จำนวน 150 รายและการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก จำนวน 10 ราย นำมาวิเคราะห์โดยใช้สถิติ คือ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และการทดสอบความสัมพันธ์ด้วยค่าไคสแควร์ ซึ่งทดสอบด้วยความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ที่ระดับ 0.05 ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุเฉลี่ย 34.51 ปี นับถือศาสนาพุทธมีการศึกษาระดับปริญญาตรีและมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า สมรสแล้วและมีฐานะเป็นหัวหน้าครอบครัว ประกอบอาชีพรับราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ มีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 11,589.48 บาท และเล่นการพนันฟุตบอลมาแล้วเฉลี่ย 2.96 ปี ในแต่ละเดือนเล่นการพนันฟุตบอล 4 ครั้ง ในวงเงินเฉลี่ยครั้งละ 3,430.60 บาท ชำระเงินการพนันด้วยเงินสด และเล่นในกลุ่มเพื่อน รองลงมาคือโต๊ะบอลได้รับข้อมูลการเล่นการพนันฟุตบอลจากหนังสือพิมพ์/นิตยสาร โดยไม่เคยถูกโกงเงินจากการเล่นการ พนันฟุตบอลและทั้งหมดไม่เคยถูกจับกุมดำเนินคดีมาก่อน ปัจจัยที่มีผลต่อการเล่นการพนันฟุตบอลจากลำดับความสำคัญมากที่สุดในแต่ละปัจจัย คือ 1. ปัจจัยเกี่ยวกับการพนันฟุตบอล ได้แก่ ต้องการความสนุกสนานตื่นเต้นเร้าใจ เป็นเกมกีฬาไม่ใช่ความผิดที่ร้ายแรง ทำตามสมัยนิยม เพื่อการเข้าสังคมและคาดหวังในการเพิ่มรายได้ 2. ปัจจัยลักษณะเฉพาะของการพนันฟุตบอล ได้แก่ ไม่ต้องเสียเวลา เล่นสะดวกและเล่นง่าย 3. ปัจจัยเกี่ยวกับทีมฟุตบอลที่มีชื่อเสียง ได้แก่ นักกีฬาฟุตบอลที่มีชื่อเสียง ผู้จัดการทีมที่มีชื่อเสียง และสถิติเก่าของทีมที่ชนะมากกว่าแพ้