Abstract:
ความสำคัญของปัญหา มีรายงานการดื้อยาของเชื้อ Propionibacterium acnes (P. acnes) ต่อยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษาลิวในต่างประเทศ ซึ่งในประเทศไทยมีการนิยมใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาสิวเช่นกัน แต่ยังไม่มีรายงานการศึกษาการดื้อยาของเชื้อ P. acnes ต่อยาปฏิชีวนะที่นิยมใช้ในการรักษาในประเทศไทย วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษารูปแบบความไวของเชื้อ P. acnes จากผู้ป่วยสิวต่อยาปฏิชีวนะที่นิยมใช้รักษาสิวในประเทศไทย วิธีดำเนินการ ได้ทำการศึกษาเชิงพรรณนา โดยทำการกดสิวอุดตันจากผู้ป่วยสิวจากผู้ป่วยสิว 81 คน แล้วนำมาเพาะเชื้อ และตรวจสอบหาเชื้อ p.acnes แล้วนำมาทดสอบหาค่าความไวของเชื้อต่อยาปฏิชีวนะ 5 ชนิด คือ คลินดามัยซิน, อีริทโธรมัยซิน, เตตร้าซัยคลิน, ดอกซีซัยคลิน และมิโนชัยคลิน ผลการศึกษา ผู้ป่วย 65 จาก 81 คนเพาะได้เชื้อ p.acnes พบค่าความเข้มข้นของยาตํ่าสุดที่สามารถยับยั้งเชื้อได้ที่ 90 เปอร์เซ็นไทต์ (MIC90) ของยาคลินดามัยซิน, อีริทโธรมัยซิน, เตตร้าซัยคลิน, ดอกซีซัยคลิน และ มิโนซัยคลินเท่ากับ 0.38, 0.038, 0.094, 0.175 และ 0.032 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ตามลำดับ พบเชื้อ P.acnes จากผู้ป่วย 4 คนดื้อต่อยาคลินดามัยซิน และอีริทโธรมัยซิน คิดเป็น 6.15% โดยไม่พบการดื้อต่อยาเตตร้าซัยคลิน ดอกซีซัยคลิน และมิโนซัยคลิน ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างเชื้อที่เพาะขึ้นกับความรุนแรงของสิว ช่วงอายุ เพศ และประวัติการรักษา พบมีแนวโน้มการดื้อยาในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมาก เคยได้รับการรักษามาก่อน และช่วงอายุน้อยโดยไม่สัมพันธ์กับเพศ พบค่า MIC ของยาอีริทโธรมัยซินสูงในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมากเมื่อเทียบกับที่มีอาการรุนแรงน้อยและรุนแรงปานกลางอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติโดยไม่พบความแตกต่างของค่า MIC ของยาที่ศึกษาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเปรียบเทียบในด้านการรักษาที่เคยได้รับ ช่วงอายุ และเพศแต่พบว่ามีแนวโน้มค่า MIC สูงขึ้นกลุ่มผู้ป่วยที่เคยได้ยาทาภายนอก สรุป พบอุบัติการณ์การดื้อยาของโปรปิโอนิแบคทีเรียมต่อยาปฏิชีวนะที่ใช้มากในปัจจุบันคือ คลินดามัยซิน และอีริทโธรมัยซิน คิดเป็น 6.15% ค่า MIC สูงขึ้นในกลุ่มผู้ป่วยที่เคยได้รับการรักษามาก่อน และพบมีแนวโน้มการดื้อยาในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมาก เคยได้รับการรักษามาค่อน และช่วงอายุน้อย