Abstract:
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ถึงปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมทางแพ่งในศาลยุติธรรมเกี่ยวกับกระบวนการพยานหลักฐานคดีสิ่งแวดล้อมทางแพ่งในศาลยุติธรรมตามประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่ชาติ พ.ศ 2535 เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขกฏหมายและกระบวนการพยานหลักฐานคดีสิ่งแวดล้อมทางแพ่งในศาลยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพ สอดคล้อง และเอื้อประโยชน์ในการดำเนินคดี รวมทั้งเป็นแนวทางที่จะคุ้มครองผู้ที่ได้รับความเสียหายทางแพ่งในคดีสิ่งแวล้อมและพิทักษ์รักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการศึกษาพบว่ากระบวนการพยานหลักฐานคดีสิ่งแวดล้อมทางแพ่งในศาลยุติธรรมในปัจจุบันของไทยยังไม่เหมาะสม ไม่สอดคล้อง ไม่เอื้อประโยชน์ต่อการดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมทางแพ่งในศาลยุติธรรมของไทยเพราะคดีสิ่งแวดล้อมถือได้ว่าเป็นคดีที่มีความละเอียดซับซ้อน เป็นคดีที่ต้องใช้วิทยาการทางเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการพิสูจน์ความผิดของจำเลย การพิสูจน์พยานหลักฐานบางคดีต้องมีการปฏิบัติในห้องทดลองซึ่งต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายสูง ประกอบกับการแสวงหาพยานหลักฐานของผู้เสียหายเพื่อนำมาสนับสนุนข้อเท็จจริงที่กล่าวอ้างกระทำได้ยาก เนื่องจากผลกระทบและความเสียหายที่เกิดต่อสิ่งแวดล้อมในบางคดีต้องใช้ระยะเวลานานกว่าที่จะปรากฏ และแหล่งที่ก่อให้เกิดมลพิษรั่วไหลหรือแพร่กระจายก็มักเป็นโรงงานอุตสาหกรรมหรือเกษตรกรรมซึ่งเป็นสถานที่ที่ไม่เปิดเผย จึงเป็นเหตุให้โจทก์ตกเป็นผู้เสียเปรียบ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว การวิจัยฉบับนี้จึงเสนอให้ปรับกระบวนการพยานหลักฐานคดีสิ่งแวดล้อมทางแพ่งในศาลยุติธรรม โดยการกำหนดภาระการพิสูจน์ให้เป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องมีภาระการพิสูจน์หักล้างข้อกล่าวหาของโจทก์ ให้ศาลมีบทบาทในการแสวงหาพยานหลักฐาน ให้มีพยานผู้เชี่ยวชาญของศาลเพื่อความเป็นกลางในการวิจัยฉัยตัดสินคดี รวมทั้งปรับเปลี่ยนวิธีการสืบพยานในศาลโดยอิงตามระบบไต่สวน