Abstract:
ความเป็นมา มีผู้ป่วยโรคไตอักเสบลูปุสชนิดที่ 4 ประมาณร้อยละ 15-20 ที่ไม่ตอบสนองต่อยากดภูมิต้านทานมาตรฐานที่ให้ในระยะแรก ผู้ป่วยส่วนหนึ่งจะเกิดภาวะไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย นอกจากนั้นยามาตรฐานไซโคฟอสฟามาย ยังเป็นยาที่มีผลข้างเคียงสูง วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพและผลข้างเคียงของยามัยโคฟีโนเลดโซเดียมและยาไซโคฟอสฟามาย ในการรักษาผู้ป่วยโรคไตอักเสบลูปุสที่ดื้อต่อยามาตรฐาน หรือกลับเป็นซ้ำ วิธีการศึกษา ผู้ป่วยโรคไตอักเสบลูปุสชนิดที่ 4 จะได้รับยาไมโควีโนเลตโซเดียม ในขนาด 1,080 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นระยะเวลา 6 เดือน และได้รับการตรวจประเมินประสิทธิภาพและผลข้างเคียงของยาทุกเดือนจนสิ้นสุดการศึกษา โดยทำการคัดเลือกผู้ป่วยลักษณะเดียวกันที่ได้รับการรักษาด้วยยาไซโคฟอสฟามายจากฐานข้อมูลผู้ป่วยโรคไตอักเสบลูปุสเป็นผู้ป่วยกลุ่มควบคุม ผลการศึกษา มีผู้ป่วยเข้าร่วมการศึกษาทั้งหมด 27 ราย โดยเป็นกลุ่มที่ได้รับยาไมโคฟีโนเลตโซเดียม 12 ราย (กลุ่มที่ 1) และกลุ่มที่ได้รับยาไซโคฟอสฟามาย 15 ราย (กลุ่มที่ 2) ลักษณะทั่วไปของผู้ป่วยไม่มีความแตกต่างกัน มีการลดลงของการรั่วของโปรตีนในปัสสาวะอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในทั้ง 2 กลุ่ม โดยลดลงจาก 4.1 + 3.1 เหลือ 1.7 + 1.3 กรัมต่อวัน (p = 0.003) และ 3.8 + 2.2 เหลือ 2.3 + 1.8 กรัมต่อวัน (p = 0.001) ตามลำดับ พบว่ามีอัตราการลดลงของโปรตีนในปัสสาวะในกลุ่มที่ 1 มากกว่ากลุ่มที่ 2 (p = 0.025) อัตราการสงบของโรคที่ระยะเวลา 6 เดือนไม่แตกต่างกันในทั้ง 2 กลุ่ม (ร้อยละ 58 และ ร้อยละ 34 ในกลุ่มที่ 1 และ 2 ตามลำดับ (p = 0.182) อย่างไรก็ตามมีผู้ป่วยร้อยละ 13 ในกลุ่มที่ 2 ที่การรักษาไม่ได้ผล และเกิดภาวะไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายขึ้นในด้านของผลข้างเคียงของยาพบว่า กลุ่มที่ 1 มีการติดเชื้อรุนแรงที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมากกว่า กลุ่มที่ 2 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (ร้อยละ 0 เทียบกับร้อยละ 33, p = 0.037) มีการเกิดภาวะโลหิตจากน้อยกว่า (ร้อยละ 8 เทียบกับ ร้อยละ 73, p = 0.001) มีการเกิดการคลื่นไส้อาเจียนจากยาน้อยกว่า (ร้อยละ 8 เทียบกับ ร้อยละ 73, p = 0.001) ผู้ป่วยในกลุ่มที่ 2 มีการขาดประจำเดือนขณะสิ้นสุดการศึกษาร้อยละ 27 ในขณะที่ไม่พบเลยในกลุ่มที่ 1 (p = 0.078) นอกจากนั้นยังพบว่า ค่าเฉลี่ยของขนาดยาเพรดนิโซโลนที่ใช้มีค่ามากกว่าในผู้ป่วยกลุ่มที่ 2 สรุป ยามัยโคฟีโนเลคโซเดียมมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับยาไซโคฟอสฟามายในการรักษาผู้ป่วยโรคไตอักเสบลูปุสที่ดื้อต่อยามาตรฐาน หรือกลับเป็นซ้ำ โดยมีอัตราการเกิดผลข้างเคียงน้อยกว่า