Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยคัดสรรที่สัมพันธ์กับการมีเพศสัมพันธ์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนเพศหญิงและชายจำนวน 610 คน จาก 7 โรงเรียน ที่ผู้ปกครองอนุญาตให้ตอบแบบสอบถาม ได้ กลุ่มตัวอย่างแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มที่ 1 : กลุ่มนักเรียนที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์และไม่ตั้งใจจะมีเพศสัมพันธ์ใน 6-12 เดือนข้างหน้า กลุ่มที่ 2 : กลุ่มนักเรียนที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์แต่ตั้งใจจะมีเพศสัมพันธ์ใน 6-12 เดือนข้างหน้า และกลุ่ม 3 : กลุ่มนักเรียนที่เคยมีเพศสัมพันธ์เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นข้อมูลทั่วไป ประกอบด้วย ข้อมูลส่วนบุคคล พฤติกรรมการดื่มสุรา การดูสื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศและส่วนที่ 2 เป็นแบบสอบถามการรับรู้การทำหน้าที่ของครอบครัว การรับรู้ความภูมิใจในตนเอง การแสวงหาความตื่นเต้นเต้นเร้าใจในสัมผัส เจตคติต่อการมีเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่น และการรับรู้บรรทัดฐานในกลุ่มเพื่อน การวิเคราะห์ข้อมูล จะแยกวิเคราะห์นักเรียนเพศชายและเพศหญิงโดยใช้สถิติการจำแนกกลุ่มพหุคูณ (Multiple Discriminant Analysis) ด้วยการวิเคราะห์แบบขั้นตอน (Stepwise method)โดยใช้สถิติวิลค์สแลมดา (Wilks' Lambda) เป็นเกณฑ์ในการคัดเลือกตัวแปรเข้าวิเคราะห์ ผลการวิจัยพบว่า ในกลุ่มตัวอย่างนักเรียนเพศชาย มีตัวแปร 5 ตัว ที่มีอำนาจจำแนกนักเรียนชายทั้ง 3 กลุ่มได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (Wilks' Lambda = .346, p<.001) และสามารถจำแนกได้ถูกต้องถึงร้อยละ 75.00 โดยมีรูปแบบของตัวแปรทั้ง 5 ตัวที่แตกต่างกัน คือ นักเรียนชายกลุ่มที่ 1 ที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์และไม่ตั้งใจจะมีเพศสัมพันธ์ใน 6-12 เดือนข้างหน้าจะมีการรับรู้การทำหน้าที่ของครอบครัวสูง การรับรู้บรรทัดฐานกลุ่มเพื่อนต่ำ การแสวงหาความตื่นเต้นเร้าใจในสัมผัสต่ำ การดูสื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศต่ำ และการรับรู้ความภูมิใจในตนเองสูง การจำแนกนักเรียนชายเข้ากลุ่มที่ 1 มีอำนาจการ ทำนายถูกต้อง ร้อยละ 82.90 นักเรียนชายกลุ่มที่ 2 ที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์แต่ตั้งใจจะมีเพศสัมพันธ์ใน 6-12 เดือนข้างหน้า จะมีการรับรู้การทำหน้าที่ของครอบครัวต่ำ การรับรู้บรรทัดฐานกลุ่มเพื่อนสูง การแสวงหาความตื่นเต้นเร้าใจในสัมผัสสูง การดูสื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศปานกลางและการรับรู้ความภูมิใจในตนเองปานกลาง การจำแนกนักเรียนชายเข้ากลุ่มที่ 2 มีอำนาจการทำนายถูกต้อง ร้อยละ 63.60 นักเรียนชายกลุ่มที่ 3 ที่เคยมีเพศสัมพันธ์ จะมีการรับรู้การทำหน้าที่ของครอบครัวต่ำ การรับรู้บรรทัดฐานกลุ่มเพื่อนสูง การแสวงหาความตื่นเต้นเร้าใจในสัมผัสสูง การดูสื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศสูง และการรับรู้ความมีคุณค่าในตนเองต่ำ การจำแนกนักเรียนชายเข้ากลุ่มที่ 3 มีอำนาจการทำนายถูกต้อง ร้อยละ 79.20 ส่วนในนักเรียนเพศหญิง พบว่ามี 6 ตัวแปรที่มีอำนาจการจำแนกกลุ่มนักเรียนหญิงทั้ง 3กลุ่มได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (Wilks' lambda = .243, p<.001) และสามารถจำแนกได้ถูกต้องถึงร้อยละ 88.30 โดยมีรูปแบบของตัวแปรทั้ง 6 ตัวที่แตกต่างกัน คือ นักเรียนหญิงกลุ่มที่ 1 ที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์และไม่ตั้งใจจะมีเพศสัมพันธ์ใน 6-12 เดือนข้างหน้า จะมีการรับรู้การทำหน้าที่ของครอบครัวสูง การรับรู้บรรทัดฐานกลุ่มเพื่อนต่ำ เจตคติต่อการมีเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่นที่ต่ำ การแสวงหาความตื่นเต้นเร้าใจในสัมผัสต่ำ การดูสื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศต่ำ และการรับรู้ความภูมิใจในตนเองสูง การจำแนกนักเรียนหญิงเข้ากลุ่มที่ 1 มีอำนาจการทำนายถูกต้อง ร้อยละ 94.80 นักเรียนหญิงกลุ่มที่ 2 ที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์แต่ตั้งใจจะมีเพศสัมพันธ์ใน 6-12 เดือนข้างหน้า จะมีการรับรู้ทำหน้าที่ของครอบครัวต่ำ การรับรู้บรรทัดฐานกลุ่มเพื่อนสูง การดูสื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศสูง เจตคติต่อการมีเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่นที่สูง การแสวงหาความตื่นเต้นเร้าใจในสัมผัสปานกลาง และการรับรู้ความภูมิใจในตนเองปานกลาง การจำแนกนักเรียนหญิงเข้ากลุ่มที่ 2 มีอำนาจการทำนายถูกต้อง ร้อยละ 76.30 นักเรียนหญิงกลุ่มที่ 3 ที่เคยมีเพศสัมพันธ์ จะมีการรับรู้การทำหน้าที่ของครอบครัวต่ำ การรับรู้บรรทัดฐานกลุ่มเพื่อนสูง การดูสื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศสูง เจตคติต่อการมีเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่นที่สูง การแสวงหาความตื่นเต้นเร้าใจในสัมผัสสูง และการรับรู้ความภูมิใจตนเองต่ำ การจำแนกนักเรียนหญิงเข้ากลุ่มที่ 3 มีอำนาจการทำนายถูกต้อง ร้อยละ 76.90