Abstract:
การกำหนดหน่วยภาษีมีความสำคัญเมื่อใช้อัตราภาษีแบนก้าวหน้า หากอัตราภาษีเป็นแบบอัตราคงที่การเลือกหน่วมภาษีคงมีความสำคัญเพียงเล็กน้อย การจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปัจจุบัน กำหนดให้คู่สมรสเป็นเสมือนหน่วยภาษีอีกหนึ่งหน่วยโดยกำหนดให้นำเงินได้ที่มิใช่จากแรงงานของสามีและภริยามารวมกันเพื่อเสียภาษีตามอัตราก้าวหน้า ทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ดังนี้ 1. เกิดความไม่เป็นธรรมระหว่างคนโสด 2 คนที่อยู่รวมกันโดยมิได้สมรสกัน กับคู่สมรสที่มีเงินได้สุทธิเท่ากัน โดยคู่สมรสรเสียภาษีมากกว่าคนโสด 2 คนที่อยู่ร่วมกันโดยมิได้สมรสกัน 2. เนื่องจากหลักการรวมเงินได้ ทำให้มีการลงโทษทางภาษีแก่คู่สมรส อันไม่สอดคล้องกับหลักความเป็นกลางทางภาษีและเป็นการสนับสนุนให้คนอยู่ร่วมกัน โดยมิได้สมรสหรือสนับสนุนให้คู่สมรสอย่าร้างกัน 3. ขาดดประสิทธิภาพ เนื่องจากภริยาจะเสียภาษีสำหรับเงินได้ที่มิใช่จากแรงงาน ในอัตราภาษีสุดท้าย สามี อาจมีผลทำให้เป็นการยับยั้งภริยาออกทำงาน และลงทุนต่าง ๆ วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ ผู้เขียนศึกษาเฉพาะกรณี การเสียภาษีเงินได้รออยู่สมรสที่มิได้ร่วมกันประกอบธุรกิจในฐานะห้างหุ้นส่วนสามัญ และคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล โดยผู้เขียนวัตถุประสงค์ที่จะชี้ให้เห็นว่า การจัดเก็บภาษีสำหรับเงินได้ที่มิใช่จากแรงงานของคู่สมรส ในปัจจุบัน ยังขาดความเหมาะสม จึงได้เสนอแนะให้แก้ไขปัญหาโดยนำเงินได้สุทธิรวมกันของคู่สมรส เฉลี่ยออกเป็น 2 ส่วน เท่า ๆ กัน แล้วเสียภาษีจากเงินได้แต่ละส่วนตามอัตราภาษีแบบก้าวหน้า