Abstract:
การศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาเกณฑ์ชี้วัดการใช้พลังงานในอาคารสำนักงาน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการออกแบบอาคารสำนักงานเพื่อการประหยัดพลังงาน ขั้นตอนการวิจัยประกอบด้วย การศึกษาและ รวบรวมตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบเปลือกอาคารที่ส่งผลต่อการใช้พลังงานในอาคาร การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร เพื่อสรุปเป็นเกณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับการออกแบบ ผลการศึกษา พบว่าปัจจัยที่มีผลต่อการออกแบบอาคารที่ส่งผลต่อการใช้พลังงานในอาคาร คือ 1) อัตราส่วนพื้นที่ผิวอาคารภายนอกต่อพื้นที่ใช้ลอย ซึ่งเกี่ยวข้องกับลักษณะรูปทรงอาคาร พื้นที่ใช้สอย และจำนวนขั้น เช่น อาคารรูปทรงกระบอกความกว้างและความสูงใกล้เคียงกันพื้นที่ใช้สอย 10,000 ตารางเมตร ที่มีอัตราส่วนพื้นที่ผิวต่อพื้นที่ใช้สอยเท่ากับ 0.59 จะมีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานสูงสุด สำหรับ อาคารทรงสี่เหลี่ยมพื้นผ้ามีคอร์ดกลาง ค่าอัตราส่วนพื้นที่ผิวต่อพื้นที่ใช้สอยเท่ากับ 2.3 มีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานตํ่าสุด 2) วัสดุเปลือกอาคาร ต้องลดการถ่ายเทความร้อนเข้าสู่อาคาร โดยค่า ลัมประสิทธิ์การถ่ายเทความร้อน (U-Value) ของ1วัสดุควรมีค่าตํ่า เซ่น ผนัง EIFS (0.06 Btu/h.ft2 F) เป็นต้น 3) การใช้ประโยชน์จากแลงธรรมชาติ พิจารณาจากอัตราส่วนปริมาณพลังงานที่เพิ่มขึ้นจาก ช่องแสงต่อพลังงานที่ประหยัดลงได้ โดยประมาณข้อมูลจากสมมุติฐาน อัตราส่วนที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด คือ 0.8 ซึ่งอัตราส่วนนี้ไม่ควรมีค่ามากกว่า 1 ดังนั้นอาคารที่มีประสิทธิภาพดีจะต้องมีอัตราส่วนพื้นที่ผิวต่อพื้นที่ใช้สอยตํ่าที่สุด (0.59) วัสดุมีค่า U-Value ตํ่าสุด (0.06 Btu/h.ft2.F) และมีอัตราส่วนการใช้ประโยชน์จากแสงธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพ ดีที่สุด (0.8) จะใช้พลังงานเฉลี่ย 0.1 kWh/m2yr ของพื้นที่ใช้สอย เมื่อเปรียบเทียบกับอาคารที่ไม่มีการคำนึงถึงปัจจัยการประหยัดพลังงานที่มีอัตราส่วนพื้นที่ผิวต่อพื้นที่ใช้สอยสูงที่สุด (2.3) ค่า U-Value สูงที่สุด (0.60 Btu/h.ft2 F)และอัตราส่วนการใช้แสงธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพตํ่าที่สุด (1.2) จะทำให้ใช้พลังงานเฉลี่ยสูงถึง 4.1 kWh/m2yr ของพื้นที่ใช้สอย ซึ่งใช้พลังงาน 41 เท่าของอาคารที่มีประสิทธิภาพดี