Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง อายุ สถานภาพสมรส ระดับการศึกษา ระยะเวลาที่เป็นโรคเบาหวาน บุคลากรผู้ให้บริการทางด้านการแพทย์ สมาชิกในครอบครัวและกลุ่มเพื่อน เพื่อนบ้านและชุมชน องค์กรในชุมชน สื่อและนโยบายสาธารณะ กับพฤติกรรมการดูแลตนเอง และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการดูแลตนเองและระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 กรุงเทพมหานคร 200 คน ด้วยวิธีการสุ่มหลายขั้นตอน มีอายุระหว่าง 20-59 ปี ซึ่งมารับบริการที่ศูนย์บริการสาธารณสุขของสำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร จำนวน 34 แห่ง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม ประกอบด้วย ข้อมูลส่วนบุคคล พฤติกรรมการดูแลตนเองและปัจจัยเกื้อหนุนการจัดการตนเองของผู้ป่วยเบาหวาน เครื่องมือทุกชุดได้ผ่านการตรวจความตรงตามเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 5 ท่าน และมีค่าความเที่ยงเท่ากับ .83 และ .82 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าไคสแควร์ ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ไบซีเรียล และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. บุคลากรผู้ให้บริการทางด้านการแพทย์ สื่อและนโยบายสาธารณะ มีความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมการดูแลตนเอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (r = .142 และ r = .164 ตามลำดับ) อย่างไรก็ตาม อายุ สถานภาพสมรส ระดับการศึกษา ระยะเวลาที่เป็นโรคเบาหวาน สมาชิกในครอบครัวและกลุ่มเพื่อน เพื่อนบ้านและชุมชน องค์กรในชุมชน มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลตนเอง อย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2. พฤติกรรมการดูตนเองมีความสัมพันธ์กับระดับน้ำตาลในเลือดอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05