Abstract:
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพี่อศึกษาและหาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านครอบครัวการปฏิบัติของ ครอบครัวกับลักษณะการเสพยาบ้าของวัยรุ่นที่เข้ารับการบำบัดในแผนกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลธัญญารักษ์ กลุ่มตัวอย่างเป็นบิดามารดาของวัยรุ่นที่เสพติดยาบ้าจำนวน 358 คน และแฟ้มประวัติของวัยรุ่นที่เสพติดยาบ้า เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามเรื่องสัมพันธภาพระหว่างบิดามารดา (ค่าความเที่ยงเท่ากับ .92) การปฏิบัติของครอบครัว (ค่าความเที่ยงเท่ากับ .90) และแบบวิเคราะห์ลักษณะการเสพยาบ้าของวัยรุ่น ซึ่งผู้วิจัยสร้างขึ้น ผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติทดสอบไคสแควร์ ผลการวิจัยพบว่า 1. บิดามารดาของวัยรุ่นที่เสพติดยาบ้าส่วนมากจบการศึกษาระดับประถมศึกษา ลักษณะครอบครัว เป็นครอบครัวเดี่ยว รายได้ของครอบครัวพอกินพอใช้ สัมพันธภาพระหว่างบิดามารดาอยู่ในระดับปานกลาง 2. การปฏิบัติของครอบครัวต่อวัยรุ่นที่เสพติดยาบ้าอยู่ในระดับเหมาะสมมาก 3. วัยรุ่นที่เสพติดยาบ้าส่วนใหญ่เป็นเพศชายมีอายุ 16-18ปี เป็นจำนวนสูงสุด ลักษณะการเสพยาบ้า พบสูงสุดคือเสพทุกวัน วันละ 1 ครั้ง ค่าใช้จ่ายในการเสพยาบ้าวันละ 100 - 200 บาท และส่วนใหญ่เสพโดยวิธี สูดควันระเหย 4. การปฏิบัติของครอบครัว โดยรวม ด้านการตอบสนองความต้องการทางชีวภาพ ด้านการคงไว้ซึ่ง การสื่อสารและสัมพันธภาพในครอบครัว และด้านการอบรมบทบาทที่เหมาะสมในสังคม มีความสัมพันธ์กับ ลักษณะการเสพยาบ้าของวัยรุ่นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนปัจจัยด้านครอบครัว ได้แก่ ระดับการศึกษาของบิดามารดา ลักษณะครอบครัว รายได้ของครอบครัว และสัมพันธภาพระหว่างบิดามารดา ไม่มีความสัมพันธ์กับลักษณะการเสพยาบ้าของวัยรุ่น