Abstract:
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษา การเข้าเป็นภาคีต่อความตกลงเพื่อส่งเสริมให้เรือประมงปฏิบัติตามมาตรการอนุรักษ์และจัดการทรัพยากรในทะเลหลวงของประเทศไทยว่าหากประเทศไทยเข้าเป็นภาคีความตกลงเพื่อส่งเสริมให้เรือประมงปฏิบัติตามมาตรการอนุรักษ์และจัดการทรัพยากรในทะเลหลวงจะ ก่อไห้เกิดผลดีหรือผลเสียต่อประเทศไทย จากการศึกษาพบว่า การเข้าเป็นภาคีต่อความตกลงเพื่อส่งเสริมให้ เรือประมงปฏิบัติตามมาตรการอนุรักษ์และจัดการทรัพยากรในทะเลหลวงของประเทศไทยจะก่อให้เกิดผลเสีย มากกว่าผลดี ผู้เขียนมีข้อเสนอแนะว่า ในปัจจุบันประเทศไทยยังไม่ควรเข้าเป็นภาคีความตกลงเพื่อส่งเสริมให้ เรือประมงปฏิบัติตามมาตรการอนุรักษ์และจัดการทรัพยากรในทะเลหลวงเพราะประเทศไทยยังไม่มีความจำเป็นในขณะนี้ที่จะเร่งรีบเข้าเป็นภาคีความตกลงเพื่อส่งเสริมให้เรือประมงปฏิบัติตามมาตรการอนุรักษ์และจัดการทรัพยากรในทะเลหลวง เพราะผลประโยชน์ของประเทศไทยในทะเลหลวงยังมีไม่มากนัก และศักยภาพของการพัฒนาเรือประมงไทยในทะเลหลวงยังขาดความชัดเจน การเข้าเป็นภาคีต่อความตกลงเพื่อส่งเสริมให้เรือประมงปฏิบัติตามมาตรการอนุรักษ์และจัดการทรพยากรในทะเลหลวงจะทำให้ประเทศไทยมีพันธกรณีที่จะต้องปฏิบัติตามหลักการที่ปรากฏอย่างเคร่งครัดและสร้างภาระหน้าที่ในการอนุวัติการความตกลงเพื่อส่งเสริมให้เรือประมงปฏิบัติตามมาตรการอนุรักษ์และจัดการทรัพยากรในทะเลหลวง แต่ประเทศไทยสามารถทำการหยิบและเลือกบทบัญญัติบางข้อจากความตกลงเพื่อส่งเสริมให้เรือประมงปฏิบัติตามมาตรการอนุรักษ์และจัดการทรัพยากรในทะเลหลวงมาบัญญัติเป็นกฎหมายภายในหากเห็นว่าเหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยได้โดยไม่จำต้องเข้าเป็นภาคีความตกลงความตกลงเพื่อส่งเสริมให้เรือประมงปฏิบัติตามมาตรการอนุรักษ์และจัดการทรัพยากรในทะเลหลวง